Motorola ได้ปรับกลยุทธ์มาลุยตลาดอุปกรณ์ระดับพรีเมียมมากขึ้น โดยนอกจากการเปิดตัวแล็ปท็อประดับพรีเมียมรุ่นแรกของแบรนด์อย่าง Moto Book 60 ที่มาพร้อมจอ 2K, ชิป Intel Core 7 และ Wi-Fi 7 แล้วนั้น ยังได้เปิดตัวแท็บเล็ตสุดทรงพลังอย่าง Moto Pad 60 Pro ซึ่งได้รับการติดตั้งลำโพง JBL จำนวน 4 ตัว เพื่อมอบพลังเสียงระดับสุดยอด, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่, หน้าจอความละเอียดสูง และฟีเจอร์ระดับพรีเมียมมากมาย
Moto Pad 60 Pro มาพร้อมหน้าจอ LCD เทคโนโลยีโพลีซิลิคอนอุณหภูมิต่ำ หรือ LTPS (Low Temperature Poly-Silicon) ซึ่งรองรับความละเอียดของภาพ, ความหนาแน่นของพิกเซล และรีเฟรชเรตที่สูงกว่าเทคโนโลยี TFT (Thin-Film Transistor) ในอดีต
แผงหน้าจอดังกล่าวมีขนาด 12.7 นิ้ว โดยมีความละเอียดสูงถึง 3K (2,944 x 1,840 พิกเซล), รองรับรีเฟรชเรตสูงถึง 144 Hz ช่วยให้แสดงการเคลื่อนไหวของภาพบนหน้าจอได้อย่างนุ่มนวลที่สุด และความสว่าง 400 Nits
ด้านการประมวลผลนั้นใช้ศักยภาพจากชิปเซต MediaTek Dimensity 8300 ที่ได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร และติดตั้งแกนซีพียู จำนวน 8 คอร์ ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 3.35 GHz โดยทำงานร่วมกับแรม LPDDR5X ความเร็วสูง ความจุสูงสุด 12 GB และสตอเรจ UFS 4.0 ความเร็วสูง ความจุสูงสุด 256 GB พร้อมรองรับ MicroSD Card สำหรับเพิ่มสตอเรจได้สูงสุดถึง 1 TB
ด้านการถ่ายภาพนั้น ได้รับการติดตั้งกล้องหลักด้านหลังตัวเครื่อง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
Moto Pad 60 Pro ยังได้รับการติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ Android 14 เวอร์ชันดั้งเดิมของ Google, แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 10,200 mAh รองรับการชาร์จไฟเร็ว 45 W, ลำโพง JBL จำนวน 4 ตัว ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อรองรับระบบเสียง Dolby Atmos และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power เพื่อเสริมความปลอดภัยแก่ผู้ใช้
นอกจากนี้ยังรองรับการทำงานร่วมกับปากกาสไตลัส พร้อมเสริมการทำงานด้วยชุดเครื่องมือ AI ของ Google, ฟีเจอร์ Cross Control, Swipe to Stream และ File Transfer เพื่อซิงก์และถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์แบรนด์ Motorola ทั้งสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตได้อย่างลื่นไหล และรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3 และ GPS
Moto Pad 60 Pro มาพร้อมตัวเครื่องสี Bronze Green ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก PANTONE ซึ่งเป็นองค์กรกำหนดมาตรฐานสีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยจะวางจำหน่ายที่ประเทศอินเดียซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดอุปกรณ์เทคโนโลยีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในวันที่ 23 เมษายน 2025 และมีราคาดังนี้
- แรม 8 GB + สตอเรจ 128 GB (UFS 3.1) : 26,999 รูปีอินเดีย หรือประมาณ 10,500 บาท
- แรม 12 GB + สตอเรจ 256 GB (UFS 4.0) : 28,999 รูปีอินเดีย หรือประมาณ 11,300 บาท
