OPPO ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนระดับกลางเน้นความทนทานรุ่นล่าสุด นั่นคือ Reno14 และ Reno14 Pro ซึ่งมาพร้อมจุดเด่นด้านการบันทึกวิดีโอ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และประสิทธิภาพการทำงานระดับสูง
OPPO Reno 14 Pro
OPPO Reno 14 Pro นั้น ได้รับการติดตั้งชิปเซตรุ่นใหม่ของ MediaTek นั่นคือ Dimensity 8450 ซึ่งทำงานร่วมกับแรม LPDDR5X สูงสุด 16 GB และสตอเรจ UFS 3.1 สูงสุด 1 TB และติดตั้งแผงหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.83 นิ้ว ความละเอียด 1272p+ ซึ่งรองรับค่าสีระดับ 10 บิต, รีเฟรชเรต 120 Hz และป้องกันรอยด้วยกระจก OPPO Crystal Shield Glass


ด้านการถ่ายภาพนั้น ได้รับการติดตั้งกล้องความละเอียด 50 ล้านพิกเซล จำนวน 4 ตัว ดังนี้
- กล้องหลัก : รูรับแสง f/1.8, ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Ultrawide : มุมกว้าง 116 องศา, ออโตโฟกัส
- กล้องซูมแบบ Periscope : ซูมแบบไม่เสียความละเอียดได้ 3.5 เท่า, ระบบกันสั่น OIS
- กล้องหน้า : มุมกว้าง 90 องศา, รูรับแสง f/2.0
OPPO Reno 14 และ Reno 14 Pro นั้น รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที ในขณะที่กล้องหน้ารองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และ 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที

OPPO Reno 14 Pro นั้น ยังได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 6,200 mAh รองรับการชาร์จไฟ 80 W และชาร์จไฟไร้สาย 50 W ซึ่งมีศักยภาพเพียงพอต่อการถ่ายทอดสดได้ต่อเนื่องถึง 5 ชั่วโมง หรือเล่นเกมได้ต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมง รวมถึงฟีเจอร์บันทึกคลิปเล่นเกมเป็นระยะเวลา 30 วินาที เพื่อเก็บความทรงจำที่น่าประทับใจได้อย่างรวดเร็ว และติดตั้งไมโครโฟน จำนวน 3 ตัว ซึ่งสามารถลดเสียงรบกวนรอบข้างได้ถึง 90%
นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบให้สามารถติดอุปกรณ์ระบายความร้อนที่ด้านหลังตัวเครื่อง พร้อมแบตเตอรี่สำรองความจุสูงถึง 20,000 mAh ซึ่งช่วยให้ถ่ายทอดสดได้ต่อเนื่องไปอีกหลายชั่วโมง

OPPO Reno 14 Pro นั้น มีความบางของตัวเครื่องเพียง 7.48 มม. และหนัก 201 กรัม พร้อมมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68/IP69 ซึ่งช่วยป้องกันตัวเครื่องในน้ำแรงดันสูงที่อุณหภูมิสูงสุด 80 องศาเซลเซียส และมีด้วยกัน 3 สี ได้แก่ Reef Black, Mermaid และ Purple

OPPO Reno 14
สำหรับ OPPO Reno 14 นั้น ได้รับการติดตั้งชิปเซต Dimensity 8350 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร และมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 3.35 GHz ซึ่งทำงานร่วมกับแรม LPDDR5X สูงสุด 16 GB และสตอเรจ UFS 3.1 สูงสุด 1 TB
สำหรับหน้าจอนั้น มีขนาดเล็กลงมาอยู่ที่ 6.59 นิ้ว ความละเอียด 1080p+ แต่ยังคงรองรับค่าสีระดับ 10 บิต, รีเฟรชเรต 120 Hz และป้องกันรอยด้วยกระจก OPPO Crystal Shield Glass เช่นเดิม


ด้านการถ่ายภาพนั้นได้รับการติดตั้งกล้อง จำนวน 4 ตัว ดังนี้
- กล้องหลัก (50 ล้านพิกเซล) : รูรับแสง f/1.8, ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Ultrawide (8 ล้านพิกเซล) : มุมกว้าง 116 องศา, ออโตโฟกัส
- กล้องซูมแบบ Periscope (50 ล้านพิกเซล) : ซูมได้ 3.5 เท่า, ระบบกันสั่น OIS
- กล้องหน้า (50 ล้านพิกเซล)

OPPO Reno 14 นั้น ยังได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh ซึ่งรองรบการชาร์จไฟ 80 W เท่านั้น ต่างจากรุ่น Pro ที่รองรับการชาร์จไฟไร้สายด้วย โดยตัวเครื่องมีความบาง 7.32 มม. และหนัก 187 กรัม พร้อมมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68/IP69 เช่นกัน และมีด้วยกัน 3 สี ได้แก่ Reef Black, Mermaid และ Green

OPPO จะวางจำหน่าย Reno 14 และ Reno 14 Pro ที่ประเทศจีน ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2025 โดยมีราคาดังนี้
OPPO Reno 14
- 12 GB/ 256 GB : 2,800 หยวน หรือประมาณ 12,900 บาท
- 16 GB/ 256 GB : 3,000 หยวน หรือประมาณ 13,900 บาท
- 12 GB/ 512 GB : 3,100 หยวน หรือประมาณ 14,300 บาท
- 16 GB/ 512 GB : 3,300 หยวน หรือประมาณ 15,200 บาท
- 16 GB/ 1 TB : 3,800 หยวน หรือประมาณ 17,600 บาท



OPPO Reno 14 Pro
- 12 GB/ 256 GB : 3,500 หยวน หรือประมาณ 16,200 บาท
- 12 GB/ 512 GB : 3,800 หยวน หรือประมาณ 17,600 บาท
- 16 GB/ 512 GB : 4,000 หยวน หรือประมาณ 18,500 บาท
- 16 GB/ 1 TB : 4,500 หยวน หรือประมาณ 20,800 บาท


