อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เตรียมยุติบทบาทในรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ภายในวันที่ 30 พฤษภาคม หรือสิ้นเดือนนี้ หลังจากดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลพิเศษในหน่วยงานปรับปรุงประสิทธิภาพภาครัฐ (Department of Government Efficiency หรือ DOGE) มานานกว่า 4 เดือน พร้อมกับเป้าหมายลดขนาดรัฐบาลที่ทั้งทะเยอทะยานและขัดแย้งไปตลอดทาง
Reuters รายงานว่า “การลาออกของเขาจะเริ่มขึ้นคืนนี้” ขณะที่มัสก์โพสต์ขอบคุณทรัมป์ผ่านแพลตฟอร์ม X เนื่องในโอกาสใกล้หมดวาระ
As my scheduled time as a Special Government Employee comes to an end, I would like to thank President @realDonaldTrump for the opportunity to reduce wasteful spending. The @DOGE mission will only strengthen over time as it becomes a way of life throughout the government.
— Elon Musk (@elonmusk) May 29, 2025
การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เกิดขึ้นแบบฟ้าผ่า เรียกได้ว่าออกแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่ได้มีการแจ้งประธานาธิบดีล่วงหน้า แหล่งข่าวเผยว่าการลาออกเป็นการตัดสินใจในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาว และไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการกับทรัมป์ก่อนประกาศลาออก
และหนึ่งวันก่อนหน้าการลาออกมัสก์เองก็เพิ่งวิจารณ์ร่างกฎหมายภาษีของรัฐบาลทรัมป์ ว่ามีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป และอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อเป้าหมายในการลดงบประมาณของ DOGE ที่เขาดูแลอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงในทำเนียบขาว โดยเฉพาะสตีเฟน มิลเลอร์ (Stephen Miller) รองเสนาธิการ DOGE ไม่พอใจมาก
แหล่งข่าวระบุว่า ทำเนียบขาวต้องรีบประสานกับสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน เพื่อย้ำว่าทรัมป์ยังสนับสนุนร่างกฎหมายชุดดังกล่าวอยู่
บทบาทเจ้าหน้าที่พิเศษที่เต็มไปด้วยเสียงด่า ?
ในช่วงต้นของรัฐบาล ทรัมป์ให้อำนาจพิเศษแก่มัสก์ในการลดขนาดราชการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยมัสก์ก็เคยกล่าวว่า DOGE จะสามารถลดงบประมาณรัฐบาลกลางได้ถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เขาเคยออกแถลงบนเวที Conservative Political Action Conference ด้วยการถือเลื่อยยนต์สีแดงขึ้นเวที พร้อมประกาศว่า “นี่คือเลื่อยของระบบราชการ !”
มัสก์ไม่ปิดบังท่าทีต่อต้านการทำงานแบบเดิม ๆ ของข้าราชการ และเคยเสนอว่าการยกเลิกสิทธิ์การทำงานจากบ้านหลังยุคโควิด จะทำให้เจ้าหน้าที่ลาออกเองแบบ “เต็มใจ”
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าหน้าที่รัฐก็เริ่มต่อต้านแนวคิดของมัสก์ โดยเฉพาะเมื่อทรัมป์กล่าวชัดว่า “การตัดสินใจเรื่องบุคลากรเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรี ไม่ใช่มัสก์”
มัสก์ยังเคยมีประเด็นปะทะกับรัฐมนตรีระดับสูงหลายคน เช่น มาร์โค รูบิโอ (Marco Rubio) (รัฐมนตรีต่างประเทศ), ฌอน ดัฟฟี (Sean Duffy) (รัฐมนตรีคมนาคม) และสก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) (รัฐมนตรีคลัง) โดยเฉพาะกับปีเตอร์ นาวาร์โร (Peter Navarro) ที่ปรึกษาการค้า ที่มัสก์เรียกต่อหน้าว่า “ไอ้โง่” และ “โง่ยิ่งกว่ากองอิฐ” (นาวาร์โรตอบกลับว่า “ผมเคยโดนแรงกว่านี้มาแล้ว”)
หันหลังกลับไปโฟกัสธุรกิจ หลังยอดขาย Tesla ตกฮวบ
ถึงแม้ตัวมัสก์จะใกล้ชิดกับทรัมป์มาก แต่ก็เคยส่งสัญญาณชัดเจนในช่วงการประชุมผู้ถือหุ้น Tesla ว่า จะลดบทบาททางการเมือง เพื่อกลับไปทุ่มเทให้กับธุรกิจ หลังยอดขายและราคาหุ้นของ Tesla ตกลงต่อเนื่อง
การวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายภาษีที่ผ่านรัฐสภา ยังทำให้เขาถูกกดดันจากนักลงทุนหลายฝ่ายให้ ลาออกจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเมือง และกลับไปโฟกัสที่บริษัทเต็มตัว
มัสก์ยอมรับว่าในฐานะเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่กลับได้รับอำนาจมากมายจากทรัมป์ เขาอาจ “ทำไปมากพอแล้ว” และประกาศในการประชุมเศรษฐกิจที่กาตาร์ว่า จะลดการใช้เงินกับการเมืองในอนาคต หลังจากใช้เงินไปเกือบ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งของทรัมป์และพรรครีพับลิกันในปีที่ผ่านมา
แม้มัสก์จะลาออก แต่ DOGE ยังเดินหน้าต่อ !
แม้มัสก์จะลาออก แต่ภารกิจของ DOGE จะยังไม่จบ เพราะรัฐบาลทรัมป์ระบุว่าสามารถลดจำนวนข้าราชการลงได้ถึง 12% หรือประมาณ 260,000 ตำแหน่ง ผ่านการปลด พักงาน และเสนอเกษียณก่อนกำหนด ซึ่งมัสก์ก็ได้ทิ้งท้ายว่า “ภารกิจของ DOGE จะเข้มแข็งมากกว่านี้ และจะกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ของการบริหารราชการแผ่นดิน”