บ้านในหลายพื้นที่พบเจอความเสียหายจากภัยธรรมชาติ อาทิ ไฟไหม้, น้ำท่วม โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดอย่างแผ่นดินไหว ทำให้หลายคนต้องมองหาวัสดุอุปกรณ์มาซ่อมบำรุงกันยกใหญ่ แต่หากไม่วางแผนการเงินเพื่อปรับปรุงเคหสถานให้ดีอาจงบประมาณบานปลายได้
กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล มีคำแนะนำที่จะช่วยให้คุณคลายความกังวลจากการจัดการเรื่องนี้ บทความนี้จึงรวบรวม 5 วิธีบริหารค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือตกแต่งบ้านหรือคอนโดฯ อย่างเป็นขั้นตอนและไม่ซับซ้อนมาฝากกัน
สำรวจขอบเขตการซ่อมบ้าน
ก่อนจะเริ่มซ่อมบ้าน ควรให้ผู้เชี่ยวชาญ เช่น วิศวกร เข้ามาตรวจสอบสภาพบ้านก่อนว่ามีส่วนไหนที่จำเป็นต้องซ่อมบ้าง เช่น โครงสร้างบ้าน ระบบไฟฟ้า ประปา ผนัง และพื้น
จากนั้นจัดลำดับความสำคัญ โดยเริ่มจากงานที่จำเป็นต่อความปลอดภัยก่อน ตามด้วยงานที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ส่วนงานตกแต่งหรือปรับปรุงเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถทำเพิ่มภายหลังได้ ตามงบประมาณที่เหลือ
กำหนดงบประมาณ
หลังจากรู้แล้วว่าจะซ่อมส่วนไหนบ้าง ให้ลองสอบถามหรือเปรียบเทียบราคาจากผู้รับเหมา หรือร้านวัสดุก่อสร้างอย่างน้อย 2-3 แห่ง แล้วจึงประเมินค่าใช้จ่ายโดยละเอียด พร้อมกันเงินส่วนนี้ และควรตั้งงบเผื่อฉุกเฉินเพิ่มอีกประมาณ 10-20% เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือมีการเปลี่ยนแปลงงานระหว่างการซ่อมแซม
จัดเตรียมแหล่งเงินทุน
งบประมาณในการซ่อมบ้านมักจะสูง หลายคนเลือกใช้เงินออมหรือรายได้ที่เก็บสะสมไว้ ซึ่งควรวางแผนทยอยเก็บเงินไว้ล่วงหน้า จะได้ไม่กระทบค่าใช้จ่ายประจำเดือนมากนัก แต่ถ้าต้องใช้งบก้อนใหญ่จริง ๆ อาจพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
- เลือกสินเชื่อให้เหมาะสม เช่น สินเชื่อปรับปรุงบ้าน หรือสินเชื่อที่มีบ้านเป็นหลักประกัน
- เตรียมเอกสารให้พร้อม เช่น งบประมาณซ่อมบ้าน หลักฐานรายได้ เพื่อให้อนุมัติง่ายขึ้น
- วางแผนผ่อนชำระคืน โดยไม่ควรผ่อนชำระเกิน 20% ของรายได้ในแต่ละเดือน และควรเปรียบเทียบเงื่อนไขสินเชื่อจากหลายธนาคาร เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้มากที่สุด
นอกจากนี้ หากบ้านเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมหรือแผ่นดินไหว อย่าลืมเช็กกรมธรรม์ประกันบ้านว่าครอบคลุมหรือไม่ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ติดต่อผู้รับเหมา
เมื่อเลือกผู้รับเหมาที่ไว้วางใจได้แล้ว ให้ทำสัญญาโดยระบุเงื่อนไขให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน โดยเฉพาะเงื่อนไขเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงงาน และการจ่ายเงิน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จากนั้นให้ดำเนินการตามลำดับดังนี้
- งานเร่งด่วน เช่น ซ่อมแซมโครงสร้างบ้าน คานเสา คอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นต้น
- งานพื้นฐานสำคัญ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบสุขาภิบาล
- งานตกแต่งเพิ่มเติม เช่น ทาสี ติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน
ควรมีการตรวจสอบและปรับแผนงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมงบประมาณให้อยู่ในแผนที่วางไว้ และผ่อนชำระได้อย่างไม่ติดขัด
ใช้บัตรเครดิตช่วยบริหารค่าใช้จ่าย
บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นตัวช่วยที่ดีในเรื่องการจัดการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบ้าน เพราะบัตรเครดิตบางใบจะมีส่วนลด โปรโมชันพิเศษ หรือคะแนนสะสมที่คุ้มค่า รวมถึงสามารถผ่อนชำระ 0% ได้นาน
ตัวอย่างเช่น บัตรเครดิต โฮมโปร วีซ่า แพลทินัม ที่มอบส่วนลด 3% หากทำครบตามเงื่อนไขเมื่อรูดใช้จ่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านที่โฮมโปรทุกสาขา หรือเมื่อใช้บริการ Home Service ดูแลทุกบริการเรื่องบ้าน หรือบัตรโฮมโปร เฟิร์สช้อยส์ ที่มอบสิทธิ์ผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน เมื่อใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่โฮมโปรทุกสาขาและโฮมโปร ออนไลน์ (เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด)
อย่างไรก็ตาม ควรใช้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลด้วยความระมัดระวัง โดยควรใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและมั่นใจว่าสามารถชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด เพื่อไม่ต้องแบกภาระดอกเบี้ยสูงที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง เนื่องจากหากจ่ายไม่ทันกำหนดบัตรเครดิตเสียดอกเบี้ย 16% ต่อปีและสินเชื่อส่วนบุคคลเสียดอกเบี้ย 25% ต่อปี
