แฟนภาพยนตร์ดัง “Mission: Impossible” คงจะจำฉากสุดคลาสสิกที่สายลับอีธาน ฮันต์ ซึ่งรับบทโดย ทอม ครูซ (Tom Cruise) มักจะได้รับคำสั่งจากอุปกรณ์ที่ทำลายตัวเองภายใน 5 วินาที แต่ในความเป็นจริงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบนี้จะสามารถ “สลายหายไป” ได้จริงหรือ ?
ถ้าย้อนกลับไปปี 1996 ในวันที่ Mission: Impossible เข้าฉายครั้งแรกในโรงภาพยนตร์ หลายคนได้ชมฉากไวรัลที่แบตเตอรี่ทำลายตัวเองไปต่อหน้าต่อตา ไม่มีใครคิดว่าในชีวิตจริงเราจะสามารถทำได้ แม้แต่ในตอนนี้เอง ลองหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาก็ยังเกิดคำถามอยู่เลยว่า มันจะทำได้ด้วยวิธีไหนกันนะ ?

แต่ตอนนี้มีงานวิจัยใหม่ล่าสุด ที่เปิดเผยความเป็นไปได้ในการใช้โพรไบโอติกส์ (Probiotics) จุลินทรีย์ที่มีชีวิต ซึ่งโดยปกติมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราอยู่แล้วเมื่อรับประทานเข้าไป และไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น เพื่อสร้างพลังงานให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบย่อยสลายได้ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบิงแฮมตัน กำลังเปลี่ยนจินตนาการจากหนังแอกชันชื่อดังให้กลายเป็นจริง ด้วยการพัฒนาแบตเตอรี่ขนาดจิ๋วที่สามารถหายไปได้หลังจากใช้งาน โดยได้แรงบันดาลใจจากฉากสุดคลาสสิกในภาพยนตร์ Mission: Impossible
ศาสตราจารย์ ชเว ซอกฮึน (Choi Seokheun) หรือศาสตราจารย์ฌอน (Sean) จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบิงแฮมตัน ได้ทำวิจัยมานานกว่า 20 ปี เกี่ยวกับ “Papertronics” หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบใช้แล้วทิ้ง ที่ทำจากกระดาษ แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการสร้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบย่อยสลายได้ก็ คือ แหล่งพลังงาน
เราจะหาพลังงานนี้มาจากไหน ? นั่นแหละคือสิ่งที่ศาสตราจารย์กำลังครุ่นคิดและตามหาในงานวิจัยชิ้นนี้
ฌอนและทีมวิจัยจึงได้นำประสบการณ์จากงานวิจัยแบตเตอรี่ชีวภาพที่เคยทำมาก่อน มาพัฒนาแนวคิดใหม่ และได้ตีพิมพ์ผลงานในวารสาร Small (วารสารด้านนาโนวิทยาศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี) โดยพวกเขาทดลองใช้โพรไบโอติกส์ จุลินทรีย์ที่มีชีวิต อย่างที่พบในโยเกิร์ต ซึ่งปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม มาเป็นแหล่งพลังงาน
ถึงแม้ว่าฌอนจะรู้ว่าโพรไบโอติกส์ปลอดภัย แต่ในด้านของการนำมาเป็นแหล่งพลังงาน เขาเองก็ยังไม่มั่นใจมากนัก แม้ผลลัพธ์ช่วงแรกจะไม่น่าประทับใจ แต่ทีมไม่ยอมแพ้ พวกเขาทดลองปรับพื้นผิวของขั้วไฟฟ้า (Electrode) ให้เหมาะกับการยึดเกาะของแบคทีเรีย โดยใช้พอลิเมอร์ผสมกับอนุภาคนาโน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางไฟฟ้าให้กับแบคทีเรียมากขึ้น
ระหว่างการวิจัย ฌอนพบว่า พื้นผิวใหม่นี้มีลักษณะเป็นรูพรุนและขรุขระ ช่วยให้แบคทีเรียยึดเกาะและเติบโตได้ดีขึ้น ส่งผลให้สามารถสร้างพลังงานได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังเคลือบกระดาษที่ละลายน้ำได้ด้วยพอลิเมอร์ชนิดไวต่อความเป็นกรด ทำให้แบตเตอรี่ละลายได้เฉพาะในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด เช่น ระบบย่อยอาหารของมนุษย์หรือบริเวณที่มีมลภาวะ
แม้ว่าพลังงานที่ผลิตได้จะยังมีปริมาณน้อย แต่ฌอนมองว่านี่คือ “การพิสูจน์แนวคิด” (Proof of concept) ในเรื่องการทำให้แบตเตอรี่สลายไปได้ ที่จะต่อยอดให้กับตนเองและนักวิจัยรุ่นต่อไป