ในยุค AI มีการพูดถึงกันมากเกี่ยวกับการที่เครื่องจักรเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ โดยเฉพาะงานที่เคยทำโดยตรง เช่น งานออกแบบหรือเขียนโปรแกรม ขณะเดียวกัน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของ AI กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่การพัฒนาทักษะของคนกลับลดลงต่อเนื่อง

นำเงินที่ได้จากการลดคนไปทุ่มกับ AI

Bloomberg รายงานว่า Microsoft เตรียมปลดพนักงานหลายพันคนในเดือนหน้า โดยส่วนใหญ่จะกระทบกับทีมขายและบริการลูกค้า แม้จะเป็นข่าวที่สะเทือนใจ แต่ในแวดวงเทคโนโลยีเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่น่าสนใจคือ Microsoft กำลังนำเงินที่ประหยัดจากการลดคนไปทุ่มลงทุนกว่า 80,000 ล้านเหรียญฯ กับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในปีงบประมาณหน้า

จำนวนนี้ไม่ใช่การพิมพ์ผิด Microsoft ไม่เพียงปรับโครงสร้างบุคลากร แต่ยังปรับโครงสร้างการเงินด้วย โดยหันไปสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดยักษ์ จัดหา GPU และเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้พลังงานสูง เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่แทนแรงงานมนุษย์

แม้ Microsoft จะไม่ได้บอกชัดเจนว่าการปลดพนักงานครั้งนี้เกี่ยวกับ AI แต่ก็ยากจะมองข้ามความเชื่อมโยง เพราะบริษัทกำลังลงทุนใน AI อย่างหนัก ตั้งแต่ Azure, Office ไปจนถึงการจับมือกับ OpenAI และการเปิดตัว Copilot ซึ่งสะท้อนกลยุทธ์ที่มุ่งลดการพึ่งพากระบวนการที่ใช้แรงงาน และหันไปใช้โซลูชันแบบอัตโนมัติ

แม้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ Microsoft แทบไม่มีการพูดถึงแผนฝึกอบรมหรือยกระดับทักษะพนักงานเพื่อรับมือกับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทั้งที่บริษัทมีศักยภาพที่จะช่วยให้คนปรับตัวได้ แต่กลับเน้นไปที่การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การจับมือพันธมิตร และการออกผลิตภัณฑ์ AI มากกว่า

แนวทางนี้สะท้อนภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี บริษัทอย่าง Amazon, Duolingo และ Dropbox ก็เคยประกาศลดคน โดยอ้างว่า AI ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น การตัดสินใจเหล่านี้มักเน้นไปที่ผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นและความคล่องตัวขององค์กร แม้จะลดโอกาสให้พนักงานได้ปรับตัวไปสู่บทบาทใหม่ในบริษัทก็ตาม

สำหรับ Microsoft การปลดพนักงานรอบนี้ย้ำให้เห็นถึงการหันหลังให้กับงานที่ใช้แรงงานมาก และเดินหน้าเต็มกำลังสู่โลกแห่ง AI และระบบอัตโนมัติ แม้ในระยะยาวกลยุทธ์นี้อาจได้ผล แต่ก็ทำให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างการทุ่มเงินลงทุนในเทคโนโลยี กับการขาดการสนับสนุนแรงงานที่ได้รับผลกระทบ