Meta บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มโซเฃียลมีเดียรายใหญ่อย่าง Facebook, Instagram และ WhatsApp ได้ร่วมกับ Oakley แบรนด์แว่นตาชื่อดังจากสหรัฐฯ เปิดตัวแว่นตา AR รุ่นใหม่ นั่นคือ Oakley Meta HSTN (ออกเสียงว่า HOW-Stuhn) ซึ่งอัปเกรดประสิทธิภาพจากรุ่น Ray-Ban Meta ซึ่งทางบริษัทได้พัฒนาร่วมกับแบรนด์แว่นตาระดับตำนานอย่าง Ray-Ban เมื่อปี 2024 โดยรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงถึง 3K และพลังงานแบตเตอรี่ที่ใช้ได้อย่างยาวนาน

Oakley Meta HSTN มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นแว่นตาอัจฉริยะสำหรับนักกีฬา โดยมาพร้อมฟังก์ชันการทำงานพื้นฐานเหมือนกับ Ray-Ban Meta แต่ได้รับการอัปเกรดให้รองรับการบันทึกวิดีโอมุมมองบุคคลที่ 1 หรือ FPV (First-Person View) ความละเอียด 3K ซึ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนนี้ที่รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุดที่ 1080p
แว่นตาอัจฉริยะดังกล่าว ได้รับการติดตั้งไมโครโฟน จำนวน 5 ตัว, ลำโพง Bluetooth เพื่อยกระดับการรับฟังเสียงที่สมจริงมากขึ้น, ผู้ช่วยดิจิทัล Meta AI ช่วยให้สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้โดยไม่ต้องกดบุ่นใด ๆ เช่น บันทึกวิดีโอ, เล่นเพลง, โทรออก หรือสอบถามข้อมูลทั่วไป เป็นต้น


Oakley Meta HSTN ยังได้รับการติดตั้งกล้องที่มุมบนของด้านหน้าแว่นตา สำหรับบันทึกวิดีโอตามที่ผู้สวมใส่ต้องการ, มาพร้อมทัชแพด (Touchpad) สำหรับอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ควบคุมการใช้งานได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น และติดตั้งปุ่มกดที่ด้านบนเพื่อใช้ในการถ่ายภาพหรือเริ่มบันทึกวิดีโอ ในขณะที่บอดีนั้นรองรับมาตรฐาน IPX4 ซึ่งช่วยป้องกันน้ำที่กระเด็นใส่รอบทิศทาง




Meta อ้างว่า Oakley Meta HSTN นั้น มาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง ซึ่งนานขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับ Ray-Ban Meta และมาพร้อมเคสชาร์จซึ่งเมื่อผนวกเข้ากันแล้วจะทำให้ใช้งานได้นานถึง 48 ชั่วโมง รวมถึงชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถชาร์จจาก 0 – 50% ได้ใน 20 นาที
นอกจากนี้ Meta ยังได้เปิดตัวแอป Meta AI สำหรับสมาร์ตโฟนระบบ Android และ iOS ซึ่งจะเชื่อมโยงการทำงานกับ Oakley Meta HSTN เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่า, จัดการรูปภาพ และวิดีโอได้รวดเร็วอีกด้วย


Oakley Meta HSTN มีด้วยกัน 4 สี ได้แก่ Warm Grey, Black, Brown Smoke และ Clear โดยทุกสีมาพร้อมเลนส์ให้เลือกได้ 5 แบบ และทุกแบบสามารถใช้งานร่วมกับเลนส์สายตาได้
Meta จะเริ่มจำหน่าย Oakley Meta HSTN เวอร์ชัน Limited Edition ซึ่งมาพร้อมเลนส์ Prizm Polar ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2025 โดยมีราคา 499 เหรียญ หรือประมาณ 16,400 บาท ในขณะที่เวอร์ชันอื่น ๆ จะวางจำหน่ายในปลายซัมเมอร์นี้ และมีราคาอยู่ที่ 399 เหรียญ หรือประมาณ 13,100 บาท

