ตามที่สหภาพยุโรป (EU: European Union) ได้กำหนดให้ผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีจำเป็นต้องแสดงฉลากประสิทธิภาพพลังงาน (Energy Efficiency Label) บนกล่องบรรจุภัณฑ์สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตที่จำหน่ายในภูมิภาคของสหภาพยุโรปตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นั้น ล่าสุด Apple ได้เริ่มแสดงฉลากดังกล่าวบนหน้าเพจจำหน่าย iPhone และ iPad ในภูมิภาคของสหภาพยุโรปแล้ว
เมื่อผู้บริโภคในสหภาพยุโรปเข้ามาในหน้าเพจหลักสำหรับจำหน่าย iPhone หรือ iPad บนเว็บไซต์ของ Apple จะสังเกตเห็นไอคอนสีสันสดใสขนาดเล็ก และเมื่อคลิกเข้าไปจะพบฉลากประสิทธิภาพพลังงานของผลิตภัณฑ์ ดังที่ปรากฏด้านล่างนี้


ฉลากประสิทธิภาพพลังงาน หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ฉากพลังงาน (Energy Label) ของสหภาพยุโรปนั้น เป็นฉลากแสดงระดับการใช้พลังงานของผลิตภัณฑ์ รวมถึงข้อมูลการซ่อมแซม และข้อมูลเชิงเทคนิค เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจข้อมูลของอุปกรณ์เพิ่มมากขึ้น โดยแบ่งการแสดงข้อมูลออกเป็น 7 ส่วน ดังนี้
- ประสิทธิภาพพลังงาน: แบ่งเป็นระดับตั้งแต่ A (ดีที่สุด) ถึง G (น้อยที่สุด)
- ระบุระดับประสิทธิภาพพลังงานของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน : เช่น อยู่ในระดับ C เป็นต้น
- ระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จเต็ม 100% หนึ่งครั้ง (แสดงเป็นชั่วโมงและนาที): เช่น 15 ชั่วโมง 30 นาที เป็นต้น
- ความทนทานต่อการตกกระแทก: แบ่งเป็นระดับตั้งแต่ A (ทนทานมากที่สุด) ถึง E (ทนทานน้อยที่สุด)
- จำนวนรอบการชาร์จ: เช่น ทนทานต่อการชาร์จได้อย่างน้อย 800 รอบ โดยยังคงคุณภาพความจุแบตเตอรี่ไว้ไม่ต่ำกว่า 80% เป็นต้น
- ความสามารถในการซ่อมแซม (Repairability): แบ่งเป็นระดับตั้งแต่ A (ซ่อมง่ายที่สุด) ถึง E (ซ่อมยากที่สุด)
- ระดับการป้องกันฝุ่นและน้ำ (IP Rating): เช่น IP68 หมายถึงป้องกันฝุ่นโดยสมบูรณ์ และป้องกันตัวเครื่องในน้ำลึก 1.5 เมตร ได้ 30 นาที เป็นต้น

เรามาชมตัวอย่างฉากประสิทธิภาพพลังงานของ iPhone 16 Pro และ iPad Pro จอ 11 นิ้ว (ชิป M4) ดังที่ปรากฏด้านล่างนี้ ซึ่งแสดงข้อมูลต่าง ๆ ตามที่สหภาพยุโรปกำหนดอย่างชัดเจน


จากภาพที่ปรากฏข้างต้นนั้น ดูเหมือนว่า iPhone 16 Pro และ iPad Pro จอ 11 นิ้ว ดังกล่าว จะมีระดับประสิทธิภาพพลังงานที่น้อยกว่าปกติ เนื่องจากข้อกำหนดและขั้นตอนการทดสอบตามที่สหภาพยุโรปกำหนดนั้น ยังมีบางส่วนยังมีความคลุมเครือ ซึ่งทำให้ Apple ตัดสินลดคะแนนประสิทธิภาพลงเพื่อหลีกเลียงการตีความกฏระเบียบที่อาจแตกต่างไปในหลายทิศทาง
Apple ได้กล่าวว่า “คะแนนตัวชี้วัดประสิทธิภาพลังงานของ iPhone ทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในสหภาพยุโรปในเดือนมิถุนายน 2025 นั้น อยู่ในระดับสูงสุดที่เกรด ‘A’ ด้วยกันทั้งสิ้น แต่ทางบริษัทได้ตัดสินใจลดระดับลงมาเป็น ‘B’ เพื่อลดความเสี่ยงที่ผู้ทดสอบภายนอก (Third-Party Tester) อาจตีความข้อกำหนดแตกต่างออกไป
นอกจากนี้ เรายังได้ลดคะแนนความทนทานต่อการตกกระแทกด้วยเหตุผลเดียวกัน”
