Samsung ได้เริ่มจำหน่าย Galaxy Z Fold7 และ Galaxy Z Flip7 ในตลาดระดับโลกตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2025 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดมีรายงานว่า Galaxy Z Fold7 ได้กลายเป็นสมาร์ตโฟนพับจอได้ในตระกูล Galaxy Z Fold ที่มียอดสั่งจอล่วงหน้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดสมาร์ตโฟนที่มีขนาดใหญ่ลำดับต้น ๆ ของโลก หลังจากที่เพิ่งทำสถิติยอดสั่งจองสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในประเทศเกาหลีใต้มาก่อนแล้ว
รายงานดังกล่าวระบุว่า Samsung Galaxy Z Fold7 และ Galaxy Z Flip7 นั้น มียอดสั่งจองในสหรัฐฯ รวมกันสูงขึ้นกว่า 25% เมื่อเทียบกับยอดสั่งจอง Galaxy Z Fold6 และ Galaxy Z Flip6 เมื่อปี 2024 แต่หากแยกจำนวนการสั่งจองของทั้ง 2 รุ่น ออกจากกัน ปรากฏว่า Galaxy Z Fold7 นั้น มียอดสั่งจองเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับ Galaxy Z Fold6 เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Samsung Galaxy Z Fold7 และ Galaxy Z Flip7 ได้รับความนิยมสูงขึ้น คือ การอัปเกรดดีไซน์และประสิทธิภาพขึ้นอย่างชัดเจน โดยสมาร์ตโฟนพับจอได้ทั้ง 2 รุ่น ได้รับการออกแบบให้มีตัวเครื่องที่บางลงกว่ารุ่นก่อน, อัปเกรดระบบกล้อง และเพิ่มเครื่องมือ AI หลายตัว เช่น Gemini Live และ Now Bar เป็นต้น

แนวโน้มความต้องการที่สูงขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ใช้มีมุมมองต่อสมาร์ตโฟนพับจอได้ในแง่บวกมากขึ้น ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ Samsung เร่งการพัฒนาสมาร์ตโฟนพับจอได้ของตนอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2 – 3 ปี ที่ผ่านมา จนกระทั่งทำให้ Galaxy Z Fold7 และ Galaxy Z Flip7 มีบอดี้ที่บางลง, มีความแข็งแรงมากขึ้น และใช้งานในชีวิตจริงได้อย่างหลากหลาย ซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ทั่วไปได้ดีขึ้น
ดรูว์ แบล็คการ์ด (Drew Blackard) รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์เคลื่อนที่ (Mobile Product Management) ของบริษัท Samsung Electronics America ได้กล่าวว่า ทางบริษัทได้ติดตามกระแสตอบรับจากผู้ใช้เป็นประจำทุกปี เพื่อพัฒนาสมาร์ตโฟนพับจอได้ให้มีความโดดเด่นและสมบูรณ์แบบมากที่สุด
แต่ถึงกระนั้น Samsung Galaxy Z Fold7 ก็มาพร้อมราคาที่สูงถึง 1,800 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 59,000 บาท ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญประการหนึ่ง
นอกจากนี้มีรายงานว่า Google เตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟนพับจอได้ Pixel Pro Fold สำหรับตลาดสหรัฐฯ ในปี 2025 นี้เช่นกัน แต่สื่อหลายแห่งในสหรัฐฯ ได้วิเคราะห์ว่า Pixel Pro Fold อาจยังไม่ใช่คู่แข่งของ Samsung ในตลาดนี้