Samsung ได้เปิดเผยรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 (เมษายน – มิถุนายน) ปี 2025 ระบุว่า มีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profits) ลดลงกว่า 50% เนื่องจากธุรกิจชิปเซมิคอนดักเตอร์ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

อย่างไรก็ดี แม้ผลประกอบการจะไม่น่าประทับใจ แต่ Samsung ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ Exynos 2600 ซึ่งเป็นชิปเซตเรือธงรุ่นถัดไปที่ Samsung พัฒนามาระยะหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันธุรกิจชิปเซมิคอนดักเตอร์ของบริษัท

Samsung ยืนยันว่า Exynos 2600 นั้น จะเป็นชิปเซตเรือธงรุ่นแรกที่ได้รับการผลิตด้วยกระบวนการ Gate-All-Around (GAA) ระดับ 2 นาโนเมตร โดย Samsung Foundry (ภาคธุรกิจผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ให้แก่บริษัทต่าง ๆ) ซึ่งได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลโครงข่ายประสาท (NPU : Neural Processing Unit) เพื่อยกระดับการประมวลผลด้วย AI ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างชัดเจน

Samsung Exynos

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า Exynos 2600 ได้รับการทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรมของ Geekbench ซึ่งเผยให้ทราบว่ามาพร้อมแกนซีพียู (CPU :Central Processing Unit) จำนวน 10 คอร์ เช่นเดียวกับ Exynos 2500 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน 2025

แต่ Exynos 2600 นั้น ได้รับการจัดเรียงแกนซีพียูแตกต่างออกไป ในรูปแบบ 1+3+6 และติดตั้งชิปประมวลผลกราฟิก (GPU: Graphics Processing Unit) อีก 1 ตัว ดังนี้

  • แกนซีพียูระดับ Prime ความเร็วสูงสุด 3.55 GHz จำนวน 1 คอร์ สำหรับประมวลผลด้วยศักยภาพสูงสุด เช่น การเล่นเกม เป็นต้น (Exynos 2500 มีความเร็วสูงสุด 3.3 GHz)
  • แกนซีพียูระดับ Performance ความเร็วสูงสุด 2.96 GHz จำนวน 3 คอร์ สำหรับประมวลผลงานทั่วไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • แกนซีพียูระดับ Efficiency ความเร็วสูงสุด 2.46 GHz จำนวน 6 คอร์ สำหรับประมวลผลแบบประหยัดพลังงาน
  • ชิปกราฟิก Xclipse 960 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้น 15% เมื่อเทียบกับ Adreno 830 ในชิปเซตเรือธง Qualcomm Snapdragon 8 Elite ในปัจจุบัน
Samsung Exynos

ทั้งนี้คาดว่า Samsung จะเปิดตัว Exynos 2600 ในฐานะขุมพลังของสมาร์ตโฟนเรือธง Galaxy S26 Pro และ Galaxy S26 Edge ที่จะเปิดตัวในต้นปี 2026 ในขณะที่ Galaxy S26 Ultra จะใช้ศักยภาพจาก Snapdragon 8 Elite 2