HTC แบรนด์เทคโนโลยีจากประเทศไต้หวัน ได้รุกเข้าตลาด VR เมื่อหลายปีก่อนด้วยการเปิดตัวอุปกรณ์ VR สวมศีรษะซีรีส์ Vive หลายรุ่น โดยล่าสุดทางบริษัทได้ขยายตลาดให้กว้างขึ้นในรูปแบบแว่นตาอัจฉริยะ เรียกว่า Vive Eagle พร้อมฟีเจอร์ AI ที่น่าสนใจ
HTC Vive Eagle นั้น เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Ray-Ban Meta ซึ่งเป็นแว่นตาอัจฉริยะที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันของ Meta บริษัทแม่ของ Facebook, Instagram และ WhatsApp โดยมีจุดมุ่งหมายในการออกแบบให้ดูเหมือนแว่นตาธรรมดา แต่มาพร้อมฟังก์ชันที่มีความล้ำหน้า ทั้งกล้อง FPV (First Person View: มุมมองบุคคลที่ 1), ฟีเจอร์ AI และลำโพงสเตอริโอ


HTC Vive Eagle นั้น มาพร้อมตัวแว่นโปร่งแสงหลากหลายสีสัน ได้แก่ Black, Berry, Coffee และ Grey โดยได้รับการติดตั้งกล้อง Ultrawide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งสามารถจับภาพความละเอียด 3,024 × 4,032 พิกเซล และบันทึกวิดีโอความละเอียด 1,512 × 2,016 พิเซล ที่ 30 เฟรมต่อวินาที รวมถึงติดตั้งไฟ LED ที่กรอบด้านขวาของตัวแว่นตา เพื่อแจ้งให้ผู้อื่นทราบว่าแว่นตากำลังบันทึกวิดีโออยู่ในขณะนี้

แว่นตาอัจฉริยะดังกล่าวได้ใช้ศักยภาพจากชิปเซต Qualcomm Snapdragon AR1 Gen 1 ซึ่งติดตั้งชิปประมวผลแบบโครงข่ายประสาท (NPU: Neural Processing Unit) ในตัว เพื่อขับเคลื่อนฟีเจอร์ AI โดยทำงานร่วมกับแรม 4 GB และสตอเรจ 32 GB ภายใต้ตัวแว่นที่มีน้ำหนักไม่ถึง 49 กรัม, เลนส์ Zeiss, ติดตั้งลำโพงแบบเปิดหู (Open-Ear) ที่ขาแว่น และมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP54 ซึ่งช่วยป้องกันละอองฝุ่นและน้ำที่กระเด็นใส่ตัวแว่น

HTC Vive Eagle ยังมีจุดเด่นอีกหลายด้าน ดั้งนี้
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.3
- รองรับการทำงานร่วมกับสมาร์ตโฟนระบบ iOS 17.6 และ Android 10 ผ่านแอป Vive Connect
- รองรับผู้ช่วยดิจิทัล เรียกว่า Vive AI สำหรับสั่งงานด้วยเสียง, ใช้งานร่วมกับ Google Gemini และ ChatGPT (เวอร์ชัน Beta) และรองรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ได้ถึง 13 ภาษา
- ติดตั้งแบตเตอรี่ ความจุ 235 mAh ซึ่งสามารถสแตนบายได้สูงสุด 36 ชั่วโมง, ฟังเพลงต่อเนื่องได้สูงสุด 4.5 ชั่วโมง และโทรออกได้สูงสุด 3 ชั่วโมง, ชาร์จจาก 0 – 50% ได้ใน 10 นาที และถึง 80% ได้ใน 23 นาที

HTC จะเริ่มจำหน่าย Vive Eagle ในวันที่ 1 กันยายน 2025 ที่ประเทศไตัหวัน โดยมีราคาอยู่ที่ 15,600 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ หรือประมาณ 16,900 บาท