นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Rockefeller ได้พัฒนาวิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบใหม่ที่เรียกว่า “การฉีดยาเพื่อลบมะเร็ง” โดยเป็นการฉีดแอนติบอดี (Antibody)​ หรือสารภูมิคุ้มกัน เข้าไปในก้อนเนื้องอกเพียงจุดเดียว แต่กลับสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้กำจัดเซลล์มะเร็งได้ทั่วร่างกาย

แอนติบอดี 2141-V11 รักษาโรคมะเร็ง

แอนติบอดี 2141-V11 คือแอนติบอดีที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการรักษามะเร็ง ซึ่งแอนติบอดีชนิดนี้สามารถจับกับ CD40 ที่กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ฉีดตรงเข้าสู่ก้อนเนื้อที่มีเซลล์มะเร็งเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งไปยังเซลล์ปกติ

โดยทีมนักวิจัยได้ทดสอบยาตัวนี้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลามกว่า 12 คน ในการทดลองระยะแรก และได้พบกับผลลัพธ์ที่อาจเป็นความหวังในการผลิตยาหรือสร้างการรักษาใหม่สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง

หลังจากผู้ป่วยในการทดลองได้ฉีดยาชนิดนี้เข้าไปพบว่า

  • เนื้องอกของผู้ป่วยกว่าครึ่งมีขนาดเล็กลง
  • ผู้ป่วย 2 รายที่เป็นผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาและมะเร็งเต้านมระยะที่แพร่กระจาย ตอบสนองต่อโรคได้เป็นอย่างดี โดยไม่พบร่องรอยโรคมะเร็งหลังการรักษา

แล้วที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น คือการฉีดยาในก้อนเนื้องอกเพียงจุดเดียว กลับกระตุ้นให้เนื้องอกที่อยู่บริเวณอื่นในร่างกายหายไปและลดลงด้วย

โดยการศึกษานี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงปี 2018 ซึ่งพัฒนามาจากงานวิจัยชิ้นก่อนที่เคยทดสอบในลักษณะเดียวกัน คือการกระตุ้นการทำงานของ CD40 แต่ผลลัพธ์ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ และยังพบผลข้างเคียงที่รุนแรงเมื่อนำไปทดลองกับมนุษย์

ศาสตราจารย์เจฟฟรีย์ ราเวตช์ (Jeffrey V. Ravetch) จากมหาวิทยาลัย Rockefeller และทีมวิจัยจึงกลับไปทบทวนแนวคิดเดิม และพบว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่หลักการทำงาน แต่เป็นวิธีการออกแบบและส่งยาเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งทีมวิจัยได้ลองทดสอบด้วยการเปลี่ยนวิธีให้ยา จากเดิมที่ฉีดเข้ากระแสเลือดเพื่อให้ยาไหลเวียนทั่วร่างกาย มาเป็นการฉีดตรงเข้าสู่ก้อนเนื้องอกหรือบริเวณที่มีเซลล์มะเร็งแทน และออกแบบยาใหม่ให้จับ CD40 ได้ดีขึ้น

กลไกการทำงานคือการสร้าง ‘ศูนย์บัญชาการ’ ของภูมิคุ้มกัน

หลังการฉีดยา ก้อนเนื้องอกจะถูก “เปลี่ยนสภาพ” ให้กลายเป็นแหล่งรวมตัวของเซลล์ภูมิคุ้มกัน หรือที่เรียกว่า Tertiary Lymphoid Structures (TLS) ซึ่งทำหน้าที่เป็น “ศูนย์บัญชาการ” ที่คอยสั่งการและกระตุ้นให้เซลล์ภูมิคุ้มกันทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยรวมให้ตื่นตัว และออกตามล่าทำลายเซลล์มะเร็ง ไม่ใช่แค่ก้อนที่ถูกฉีด แต่รวมถึงก้อนเซลล์มะเร็งอื่น ๆ ทั่วร่างกายด้วย

การวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่มีระดับเซลล์ T (เซลล์ T คือเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งในระบบภูมิคุ้มกัน ที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและกำจัดเชื้อโรค รวมถึงเซลล์ผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็ง) สูงก่อนการรักษาจะตอบสนองต่อยาได้ดีกว่า ซึ่งข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการคัดเลือกผู้ป่วยที่เหมาะสมและนำไปสู่การรักษามะเร็งแบบ Precision Medicine หรือการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต Glioblastoma ซึ่งเป็นโมเดลการฉีดยาเฉพาะจุดนี้ไม่เพียงลดผลข้างเคียง แต่ยังสร้างการตอบสนองของภูมิคุ้มกันทั่วร่างกายที่อาจเปลี่ยนโฉมวิธีการรักษามะเร็งในอนาคตได้เลยทีเดียว