กลายเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศเปิดตัวโครงการนำร่องใหม่ภายใต้ชื่อ “WISeR” (Waste and Inappropriate Service Reduction) ซึ่งจะนำ AI เข้ามาเป็นเครื่องมือในการพิจารณาอนุมัติค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้า สำหรับผู้สูงอายุในโครงการ Medicare หรือระบบประกันสุขภาพและประกันภัยของสหรัฐฯ ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก

โครงการนี้มีกำหนดจะเริ่มต้นปีหน้าใน 6 รัฐ มีเป้าหมาย คือการนำเทคโนโลยีมาช่วยคัดกรองและลดบริการทางการแพทย์ที่อาจสิ้นเปลืองหรือไม่จำเป็น เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เพิ่มสูงขึ้น

ตามแถลงการณ์ของ Centers for Medicare & Medicaid Services (CMS) อัลกอริทึมของ AI จะทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อประเมินว่าบริการทางการแพทย์ที่ผู้ให้บริการร้องขอมีความเหมาะสม และจำเป็นต่อการรักษาหรือไม่ ก่อนที่จะทำการอนุมัติให้เบิกจ่ายได้

ซึ่งทาง CMS ระบุว่านี่คือ “การทดสอบกระบวนการอนุมัติล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น” เพื่อช่วยให้ทั้งผู้ป่วยและผู้ให้บริการหลีกเลี่ยงการดูแลที่ไม่จำเป็น และยังเป็นการปกป้องเงินภาษีของประชาชนอีกด้วย ซึ่งอีกด้านก็เป็นการเพิ่มความยุ่งยากให้ระบบมากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความกังวลในวงกว้างเรื่องที่ระบบอาจปฏิเสธการรักษาผู้ป่วย จากเสียงวิจารณ์นี้สะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจสำหรับการให้เทคโนโลยีเข้ามามีอำนาจตัดสินใจเรื่องความเป็นความตายและสุขภาพ

โครงการ WISeR จึงไม่ได้เป็นเพียงการทดลองใช้เทคโนโลยีเพื่อควบคุมงบประมาณ แต่ยังเป็นการเปิดประเด็นถกเถียงเชิงจริยธรรมว่า เป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ที่จะนำเทคโนโลยีที่ปราศจากความเห็นอกเห็นใจ มาตัดสินใจในเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างสุขภาพและชีวิตของผู้คน