ในขณะที่ NVIDIA หันไปจับมือกับ Intel เพื่อสร้างขั้วอำนาจใหม่ในอุตสาหกรรมชิปอเมริกัน อีกฟากหนึ่งของโลก คู่แข่งอย่าง TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) และ AMD ก็กำลังเดินเกมในทิศทางที่ต่างออกไป โดยทุ่มเดิมพันไปที่เทคโนโลยีการผลิต 3 นาโนเมตร และ 2 นาโนเมตร

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การที่ NVIDIA ลงทุนใน Intel ย่อมมีโอกาสสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมา เช่น การผนวก CPU ของ Intel เข้ากับ GPU ของ NVIDIA บนแพลตฟอร์มเดียวกัน ซึ่งอาจทำให้ได้ชิปสำหรับคอมพิวเตอร์ และชิป AI ที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิมสำหรับงานประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) ที่จำเป็นสำหรับ AI
แต่ AMD กลับเลือกเส้นทางที่ต่างออกไป โดยยังคงจับมือแน่นกับ TSMC เพื่อนำเทคโนโลยี 3nm (N3P) มาใช้กับชิป AI ตระกูล Instinct MI350 ที่จะเริ่มเดินสายการผลิตแบบเต็มสูบในช่วงครึ่งหลังปี 2025 และวางแผนต่อเนื่องด้วยการเอาเทคโนโลยี 2nm (N2) มาใช้ผลิต Instinct MI400 ที่มีการคาดการณ์ว่าจะส่งมอบให้ OpenAI ในปี 2026 ทั้งนี้ก็เพื่อท้าชนโดยตรงกับ Hopper และ Blackwell ของ NVIDIA ที่แทบจะผูกขาดตลาดศูนย์ข้อมูล AI อยู่ในปัจจุบัน

ความร่วมมือนี้สะท้อนกลยุทธ์ “ตีขนาบ” ของทั้งสองบริษัท ที่อาจทำให้ AMD สามารถชิงส่วนแบ่งตลาดจาก NVIDIA มาได้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ให้บริการ Cloud และ AI ที่กำลังต้องการลดการพึ่งพาซัปพลายเออร์รายใหญ่เพียงรายเดียว
สำหรับ TSMC เอง ดีลนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาฐานลูกค้าระดับพรีเมียม (อย่าง AMD, Apple และ Qualcomm) ไว้ได้ แต่ยังช่วยสร้างสมดุลท่ามกลางแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่สหรัฐฯ กำลังพยายามเข้ามาจัดระเบียบซัปพลายเชน ทำให้ TSMC ไม่สามารถเลือกข้างเพียงฝั่งเดียวได้ แต่การยืนอยู่ตรงกลางระหว่างขั้วอำนาจ ทำให้บริษัทยังคงเป็นผู้กำหนดทิศทางของเกมนี้
ต่างจาก Intel ที่กำลังพยายามฟื้นตัวโดยอาศัยเงินลงทุนและพันธมิตร ส่วน AMD และ TSMC เลือกที่จะ ‘เร่งเครื่อง’ ด้านนวัตกรรมเพื่อชิงความได้เปรียบ เพื่อสู้กับเจ้าตลาด แม้ในระยะสั้น NVIDIA อาจจะยังคงคุมเกมด้านราคาไว้ได้ แต่หาก AMD และ TSMC สามารถส่งมอบชิป 2 นาโนเมตรได้ตามกำหนดในปี 2026 เมื่อนั้นเราจะได้เห็นแรงกดดันครั้งใหญ่ต่อทั้งส่วนแบ่งตลาดอย่างมีนัยสำคัญ