แม้ว่าทุกวันนี้จะมีการคิดค้นการตรวจหามะเร็งหลายชนิดในระยะเริ่มต้นผ่านการตรวจเลือด หรือที่เรียกว่า Multi-Cancer Early Detection (MCED) แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา รวมถึงยังไม่ผ่านการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในการรักษามะเร็ง คือการตรวจหาที่ยิ่งหาเจอเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี ทำให้มีคนยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อตรวจมะเร็งจากเลือดด้วยราคา 950 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 30,000 บาท) หรือไม่ก็ให้ทำเอ็มอาร์ไอ (MRI) ทั่วร่างกายเพื่อมองหาก้อนเนื้อแปลกปลอม แน่นอนว่าการตรวจแบบนี้มีราคาที่สูงถึง 2,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 74,000 บาท) หรือแพงกว่านั้น
แต่ล่าสุด SpotitEarly สตาร์ตอัปสายไบโอเทค (BioTech) ที่พัฒนาวิธีการตรวจหามะเร็งหลาย ๆ ชนิดแบบใหม่ขึ้นมา ด้วยการวิเคราะห์ลมหายใจมนุษย์ จากการใช้สุนัขที่ทำงานร่วมกับเอไอ (AI) ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่บ้าน
สุนัขกับ AI ตรวจหามะเร็งได้อย่างไร ?
ชโลมี มาดาร์ (Shlomi Madar) CEO ของ SpotitEarly เล่าว่า ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่า สุนัขสามารถฝึกให้ดมกลิ่นเพื่อตรวจหาโรค โดยเฉพาะโรคมะเร็งในคนได้ และยังมีเคสที่สุนัขสัมผัสถึงความผิดปกติบางอย่างในร่างกาย ก่อนที่จะตรวจพบมะเร็ง

วิธีการของบริษัทนั้นง่ายมาก ผู้ใช้งานเพียงแค่เก็บตัวอย่างลมหายใจของตัวเองที่บ้าน แล้วส่งไปรษณีย์กลับไปยังห้องแล็บของ SpotitEarly ที่นั่นจะมี สุนัขพันธุ์บีเกิล 18 ตัว ที่ถูกฝึกมาให้ดมกลิ่นมะเร็งโดยเฉพาะ หากได้กลิ่นสุนัขจะนั่งลงในทันที
แต่ความพิเศษอยู่ตรงที่การใช้ AI เข้ามาตรวจสอบพฤติกรรมของสุนัขอีกชั้นหนึ่งเพื่อความแม่นยำสูงสุด ได้แก่
- กล้องวงจรปิดติดอยู่เหนือแล็บ
- ไมโครโฟนคอยจับรูปแบบการหายใจของสุนัข
- เครื่องติดตามอัตราการเต้นของหัวใจของสุนัข
ระบบ Machine Learning นี้จะรู้จักค่ามาตรฐานของสุนัขทั้งฝูง นั่นทำให้มันแม่นยำกว่าการใช้แค่สายตาของครูฝึกมองดูสุนัขเพียงอย่างเดียว
การตรวจนี้แม่นยำแค่ไหน ?
งานวิจัยของบริษัทซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Scientific Reports ของ Nature แสดงให้เห็นว่า สุนัขที่ผ่านการฝึก สามารถตรวจจับมะเร็งระยะเริ่มต้นจากตัวอย่างลมหายใจได้แม่นยำถึง 94% จากการสุ่มตัวอย่างอาสาสมัคร 1,400 คน เพื่อตรวจหามะเร็งที่พบบ่อย 4 ชนิด ได้แก่ มะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งปอด
โดยการทดลองนี้เป็นแบบปกปิดทั้งสองฝ่าย (Double-blind clinical study) ที่ผู้เข้าร่วมการทดสอบ ผู้ปฏิบัติงาน จะไม่รู้เลยว่าใครป่วยเป็นมะเร็งหรือไม่ป่วย เพื่อป้องกันอคติที่อาจเกิดขึ้นจากการคาดเดาหรืออิทธิพลจากภายนอก ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ราคาและการวางจำหน่าย
ตอนนี้ SpotitEarly กำลังทุ่มทุนในการขยายการศึกษาทางคลินิก โดยเริ่มต้นด้วยการทดสอบเฉพาะสำหรับมะเร็งเต้านมก่อนที่จะขยายไปยังมะเร็งเป้าหมายอีกสามชนิดที่เหลือ
ส่วนชุดตรวจสอบคาดว่าจะพร้อมให้บริการผ่านเครือข่ายของแพทย์ได้ในปีหน้า โดยตั้งเป้าราคาสำหรับการตรวจมะเร็งเต้านม ไว้ที่ประมาณ 250 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9,250 บาท) ซึ่งถูกกว่าการตรวจด้วยเลือดที่มีราคาประมาณ 950 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 30,000 บาท)
ส่วนเรื่องสุนัข มาดาร์ยืนยันว่าพวกสุนัขคือส่วนหนึ่งของทีม “เราไม่ได้ใช้น้องเป็นแค่เครื่องมือตรวจจับทางชีวภาพ น้องมีพื้นที่กว้างขวางให้วิ่งเล่น เป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนคู่ใจที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว”