Amazon กำลังเตรียมการลดจำนวนพนักงานระดับองค์กร (Corporate jobs) ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2023 โดยอาจมีพนักงานมากถึง 30,000 ตำแหน่งที่จะถูกปลดออก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2025 การลดพนักงาน 30,000 ตำแหน่งคิดเป็นสัดส่วนที่สำคัญเกือบ 10% ของจำนวนพนักงานระดับองค์กรทั้งหมดของ Amazon ซึ่งมีอยู่ประมาณ 350,000 คน แต่ถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนพนักงานรวมของ Amazon ทั้งหมดที่สูงถึง 1.55 ล้านคน (ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในส่วนของคลังสินค้าและการปฏิบัติการ)
สายงาน Corporate มีตำแหน่งอะไรบ้าง ?
แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นที่ฮือฮาพอสมควร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่บริษัทเทคในยุคนี้ ปีนี้จะปลดคนเป็นจำนวนมาก และแทนที่คนเหล่านั้นด้วย AI แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวเลข 30,000 คนก็เป็นตัวเลขที่น่าช็อกอยู่เหมือนกัน แม้จะคิดเป็นเพียง 10% ซึ่งสำหรับพนักงานสาย Corporate ก็จะครอบคลุมตั้งแต่
- การเงิน (Finance) นักวิเคราะห์การเงิน, ผู้จัดการบัญชี, ผู้ตรวจสอบภายใน
- ทรัพยากรบุคคล (HR) เจ้าหน้าที่สรรหาบุคลากร, ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรม, ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล
- การตลาด (Marketing) นักการตลาดดิจิทัล, ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์, ผู้จัดการผลิตภัณฑ์
- ปฏิบัติการ/ธุรการ (Operations/Admin) เจ้าหน้าที่ธุรการ, ผู้จัดการโครงการ, เจ้าหน้าที่จัดซื้อ
- ที่ปรึกษา (Consulting) ที่ปรึกษาธุรกิจ
- เทคโนโลยีเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) นักวิเคราะห์ข้อมูล, วิศวกรซอฟต์แวร์, ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
แต่ละสายงานต้องการ Hard Skills เฉพาะทาง เช่น ความรู้ด้านบัญชี, กฎหมายแรงงาน, การตลาดดิจิทัล, การบริหารโครงการ, การวิเคราะห์ธุรกิจ และการเขียนโปรแกรม ส่วน Soft Skills ที่จำเป็นร่วมกันในทุกตำแหน่งคือ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ, การคิดเชิงวิเคราะห์ และการแก้ปัญหา
การลดจำนวนพนักงานของ Amazon ในครั้งนี้ถือเป็นตัวเลขที่สูงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 ถึงต้นปี 2023 ที่ Amazon เคยปลดพนักงานไปถึง 27,000 ตำแหน่ง โดยการเลย์ออฟที่กำลังจะเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบในวงกว้าง ครอบคลุมหลายส่วนงานสำคัญของบริษัท เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล แผนกอุปกรณ์และบริการ ฝ่ายปฏิบัติการ และฝ่ายอื่น ๆ จำนวนมาก

การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้สอดคล้องกับรายงานก่อนหน้าของ CNBC ซึ่งได้กล่าวถึงบันทึกภายในจาก แอนดี แจสซี (Andy Jassy) ซีอีโอของ Amazon ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ในขณะที่บริษัทเดินหน้าใช้ระบบเทคโนโลยีที่ควบคุมโดย AI (AI Agent) เข้ามาจัดการงานต่าง ๆ ในองค์กรมากขึ้น ความต้องการตำแหน่งงานในระดับองค์กรก็จะลดลงตามไปด้วย
AI แทนที่สายงาน Corporate ได้มากแค่ไหน ?
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้เห็น หรือได้ยินข่าวเกี่ยวกับการเลย์ออฟพนักงานสาย Corporate จากการเข้ามาแทนที่ของ AI
ทั้งนี้ การนำ AI มาใช้ในสายงาน Corporate ก่อให้เกิดทั้งประโยชน์และปัญหา ข้อดีคือเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการทำงานซ้ำ ๆ อย่างรวดเร็วและแม่นยำสูง และช่วยให้พนักงานมีเวลาไปทำงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การลดต้นทุนในระยะยาว ส่วนข้อเสียที่สำคัญคือความเสี่ยงต่อการสูญเสียตำแหน่งงาน โดยเฉพาะในงานรูทีน ต้นทุนเริ่มต้นที่สูง และการขาดแคลนด้านความคิดสร้างสรรค์ และความฉลาดทางอารมณ์ ที่ AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้
โดยการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ก็สะท้อนโมเดลที่กำลังเกิดขึ้นในสายงานนี้ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น
- การปรับบทบาทตำแหน่งงาน : AI จะไม่ฆ่าอาชีพทั้งหมด แต่จะฆ่าทักษะที่ล้าสมัย โดยพนักงานต้องเปลี่ยนจากผู้ปฏิบัติงานเป็นผู้ควบคุม หรือผู้ออกแบบแทน
- ทักษะใหม่ ๆในองค์กร : ทักษะที่จำเป็นที่สุดจะกลายเป็น ‘AI Fluency’ หรือความสามารถในการกำหนดโจทย์ (Prompt Engineering) และนำเอาต์พุตของ AI มาปรับใช้ แก้ไข และสร้างคุณค่าทางธุรกิจต่อ
- การปรับตัว : องค์กรที่ปรับตัวเร็วและพนักงานที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพจะสามารถสร้างผลงานได้มากกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่า ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจนในประสิทธิภาพและโอกาสในการอยู่รอด
ในท้ายที่สุดแล้ว การอยู่รอดไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้เรื่องสายงานของคุณดีแค่ไหนเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถผสานความรู้เหล่านั้นเข้ากับการใช้ AI เพื่อทำงานได้ดีและเร็วขึ้นกว่าเดิมได้มากแค่ไหนด้วย