Apple ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ที่สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025 ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่าบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกแห่งนี้ได้รับผลประกอบการที่น่าประทับใจ และสร้างสถิติใหม่ในหลายด้าน

รายงานดังกล่าวระบุว่า Apple ทำรายได้รวมอยู่ 102,500 ล้านเหรียญ (ประมาณ 3.32 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024 โดยคิดเป็นกำไรสุทธิ อยู่ที่ 27,500 ล้านเหรียญ (ประมาณ 890,200 ล้านบาท) ในขณะที่รายได้ต่อหุ้น (Earning Per Share) พุ่งสูงขึ้นมาที่ 1.85 เหรียญ (ประมาณ 60 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเปรียบเทียบการเงินกับช่วงเวลาเดียวกันของ Apple เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา

รายได้ดังกล่าวเป็นผลจากความต้องการ iPhone 17 Series (ประกอบด้วย iPhone 17 รุ่นเริ่มต้น, iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max) ที่สูงมากในตลาดปัจจุบัน ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ iPhone ทำรายได้สูงสุดเป็นสถิติใหม่ถึง 49,020 ล้านเหรียญ (ประมาณ 1.59 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับ iPhone 16 Series

Apple revenue

iPhone 17 ทั้ง 3 รุ่น ได้รับการติดตั้งแผงหน้าจอที่รองรับรีเฟรช 120 Hz (แสดงการเคลื่อนไหวของภาพได้อย่างนุ่มนวลที่ 120 เฟรมต่อวินาที) ด้วยกันทั้งสิ้น และถึงแม้ iPhone 17 รุ่นมาตรฐาน จะติดตั้งชิปเซต A19 ในขณะที่ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max จะติดตั้งชิป A19 Pro แต่ก็มิได้สร้างความแตกต่างในการใช้งานในชีวิตประจำวันแต่อย่างใด

ทั้งนี้ iPhone 17 Series และ iPhone Air เพิ่งวางจำหน่ายก่อนที่จะสิ้นสุดไตรมาสที่ 4 ของบริษัท (27 กันยายน 2025) เพียงแค่ 8 วันเท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นแนวโน้มรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2026 ของ Apple ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับน่าประทับใจเป็นอย่างมาก

ช่วงเวลาแต่ละไตรมาสของ Apple มีดังนี้

  • ไตรมาสที่ 1 : ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม
  • ไตรมาสที่ 2 : ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม
  • ไตรมาสที่ 3 : ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน
  • ไตรมาสที่ 4 : ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 27 กันยายน หรือสิ้นสุดวันเสาร์สุดท้ายของเดือนกันยายน

นอกจากนี้ยังมีรายได้จากภาคธุรกิจบริการ (Services) ซึ่งครอบคลุมถึง App Store และบริการสมัครสมาชิกทั้งหมด ซึ่งทำรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 28,750 ล้านเหรียญ (ประมาณ 930,700 ล้านบาท)

Apple Services

สำหรับผลิตภัณฑ์ Mac มีรายได้สูงถึง 8,730 ล้านเหรียญ (ประมาณ 282,600 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2024 แม้จะมีการเปิดตัว MacBook Pro ชิป M5 ในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ก็ตาม แต่คาดว่า MacBook Pro ดังกล่าวจะส่งผลต่อรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2026 มากกว่า

ด้านผลิตภัณฑ์ iPad นั้น ยังคงอยู่ในระดับน่าประทับใจเช่นเดิม โดยทำรายได้อยู่ที่ 6,950 ล้านเหรียญ (ประมาณ 225,000 ล้านบาท) ในขณะที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มแวร์แวร์เอเบิล, Home และอุปกรณ์เสริม มีรายได้รวมกันอยู่ที่ 9,010 ล้านเหรียญ (ประมาณ 291,700 ล้านบาท)

สำหรับแนวโน้มในช่วงเทศกาลปลายปีนั้น Apple ได้คาดว่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10 – 12% ซึ่งอาจครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากรประมาณ 1,400 ล้านเหรียญ (ประมาณ 45,300 ล้านบาท)