OPPO อีกหนึ่งแบรนด์สมาร์ตโฟนจากประเทศจีนที่กำลังมาแรง ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียม ซีรีส์ Reno15 ได้แก่ Reno15 รุ่นมาตรฐาน และ Reno15 Pro อย่างเป็นทางการที่ประเทศจีน ซึ่งมาพร้อมกล้องหลัง จำนวน 3 ตัว และใช้ศักยภาพจากขุมพลังชิปเซต MediaTek Dimensity 8450
Dimensity 8450 นั้น ได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร และติดตั้งแกนซีพียู (CPU: Central Processing Unit) จำนวน 8 คอร์ ดังนี้
- ARM Cortex A725 จำนวน 1 คอร์ ความเร็วสูงสุด 3.25 GHz สำหรับประมวลผลภาระงานหนักอย่างเต็มศักยภาพ เช่น การเล่นเกม เป็นต้น
- ARM Cortex A725 จำนวน 3 คอร์ ความเร็วสูงสุด 3.00 GHz สำหรับประมวลผลภาระงานทั่วไปด้วยประสิทธิภาพสูง
- ARM Cortex A725 จำนวน 4 คอร์ ความเร็วสูงสุด 2.10 GHz สำหรับประมวลผลภาระงานเล็ก ๆ แบบประหยัดพลังงาน

OPPO Reno15 รุ่นมาตรฐาน ได้รับการติดตั้งแผงหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2,640 x 1,216 พิกเซล ซึ่งรองรับรีเฟรชเรต 120 Hz (แสดงการเคลื่อนไหวของภาพได้อย่างนุ่มนวลที่ 120 เฟรมต่อวินาที), ความสว่างสูงสุด 3,600 Nit, ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้แผงหน้าจอ และกล้องเซลฟี ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล

ด้านหลังตัวเครื่องได้รับการติดตั้งกล้องหลัก ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซนเซอร์ภาพขนาด 1/1.56 นิ้ว พร้อมระบบกันภาพสั่น OIS (Optical Image Stabilization) เสริมด้วยกล้องซูมแบบ Periscope ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ซึ่งรองรับการซูมแบบไม่เสียความละเอียด (Optical Zoom) ได้ 3.5 เท่า พร้อม OIS และกล้อง Ultrawide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ ความจุ 6,200 mAh ซึ่งรองรับการชาร์จไฟเร็ว 80 W, กรอบตัวเครื่องผลิตจากวัสดุโลหะ พร้อมมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68+IP69 ซึ่งช่วยป้องกันตัวเครื่องในน้ำแรงดันสูงที่อุณภูมิสูงสุด 80 องศาเซลเซียส, รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.4, ติดตั้งลำโพงสเตอริโอ และทำงานซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ ColorOS 16 ที่พัฒนาบนพื้นฐานของระบบ Android 16

สำหรับ OPPO Reno15 Pro นั้น มาพร้อมหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K พร้อมรองรับรีเฟรชเรต 120 Hz, ความสว่าง 3,600 Nit, ติตดั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้แผงหน้าจอ และกล้องเซลฟี ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับรุ่นมาตรฐาน
ด้านหลังตัวเครื่องได้รับการติดตั้งกล้อง จำนวน 3 ตัว เช่นเดียวกับรุ่นมาตรฐาน แต่อัปเกรดความจุแบตเตอรี่ให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย เป็น 6,500 mAh ซึ่งรองรับการชาร์จไฟเร็ว 80 W และเสริมการชาร์จไฟไร้สาย 50 W เข้ามา

สำหรับสเปกด้านอื่น ๆ นั้น แทบจะเหมือนกับรุ่นมาตรฐานด้วยกันทั้งสิ้น เว้นแต่เพียง OPPO Reno15 Pro มีน้ำหนัก 205 กรัม ในขณะที่รุ่นมาตรฐานมีน้ำหนัก 188 กรัม

OPPO Reno15 มาพร้อมตัวเครื่องสี Aurora Blue, Canele Brown และ Starlight ในราคาดังนี้
- แรม 12 GB + สตอเรจ 256 GB : 2,999 หยวน หรือประมาณ 13,700 บาท
- แรม 12 GB + สตอเรจ 512 GB : 3,299 หยวน หรือประมาณ 15,100 บาท
- แรม 16 GB + สตอเรจ 256 GB : 3,299 หยวน หรือประมาณ 15,100 บาท
- แรม 16 GB + สตอเรจ 512 GB : 3,599 หยวน หรือประมาณ 16,400 บาท
- แรม 16 GB + สตอเรจ 1 TB : 3,999 หยวน หรือประมาณ 18,300 บาท

ในขณะที่ OPPO Reno15 Pro มาพร้อมตัวเครื่องสี Canele Brown, Honey Gold และ Starlight ในราคาดังนี้
- แรม 12 GB + สตอเรจ 256 GB : 3,699 หยวน หรือประมาณ 16,900 บาท
- แรม 12 GB + สตอเรจ 512 GB : 3,999 หยวน หรือประมาณ 18,300 บาท
- แรม 16 GB + สตอเรจ 512 GB : 4,299 หยวน หรือประมาณ 19,600 บาท
- แรม 16 GB + สตอเรจ 1 TB : 4,799 หยวน หรือประมาณ 21,900 บาท
OPPO จะเริ่มจำหน่าย Reno15 และ Reno15 Pro ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2025 นี้ ผ่านสโตร์ออนไลน์ของ OPPO ในประเทศจีน