ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับวิกฤตหมีดำบุกรุกพื้นที่อย่างรุนแรง โดยมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วกว่า 220 คน และมีผู้เสียชีวิตถึง 13 ราย นับเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ NHK โดย 7 รายในจำนวนนี้ เสียชีวิตเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่หมีออกหาอาหารสะสมไขมันอย่างเข้มข้นก่อนเข้าสู่ฤดูจำศีล

สถานการณ์ยิ่งน่ากังวลขึ้น เมื่อมีนักท่องเที่ยวชาวสเปนถูกลูกหมีโจมตี ในหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก และมีชื่อเสียงในเรื่องบ้านหลังคามุงจากอันงดงาม หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองฮิดะไปประมาณหนึ่งชั่วโมงหากเดินทางโดยรถยนต์

ด้วยเหตุนี้ การป้องกันและป้องปรามหมีจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของรัฐบาลท้องถิ่น ปัจจุบัน หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะจึงมีการติดตั้งป้ายเตือนภัยหมีไว้ตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ทั่วหมู่บ้าน

มาซาฮิโกะ อะมากิ (Masahiko Amaki) หัวหน้าสหกรณ์สวนผลไม้ท้องถิ่นกล่าว “การทำงานอยู่ตรงนี้ ความกลัวหมีมันอยู่กับเราตลอดเวลาเลยครับ คุณคงไม่อยากถูกทำร้าย และผมเองก็เคยเฉียดฉิวมาแล้วสองสามครั้ง พวกมันจ้องมองคุณ และใช่ครับ มันน่ากลัวจริง ๆ”

มาตรการเด็ดขาดรับมือหมี

ในพื้นที่เมืองฮิดะ พื้นที่บริเวณนั้นโดยเฉพาะในสวนผลไม้ถูกบุกรุกมากกว่าจุดอื่น ซึ่งการบุกรุกนี้เกิดขึ้นโดยหมีดำ ที่มักจะเข้ามาหาอาหารอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์นี้ทำให้ประชาชนในพื้นที่พบเห็นหมีในเมืองฮิดะพุ่งสูงขึ้นจาก 11 ครั้งในปีที่แล้ว กลายเป็น 78 ครั้งในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องหามาตรการเด็ดขาด

ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การขาดแคลนแหล่งอาหารตามธรรมชาติของหมี เช่น ลูกโอ๊ก และจำนวนประชากรหมีที่เพิ่มขึ้น ทำให้พวกมันกล้าที่จะเข้ามาหาอาหารใกล้ชุมชนมากขึ้น

ถึงเวลาของ Hunting Drone

ทางการจึงตัดสินใจร่วมกับบริษัทพัฒนาโดรนอย่าง Aero Japan นำโดรนมาใช้ในการจัดการ โดยโดรนเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า “Hunting Drone” หรือมีรหัสรุ่นคือ UD4JH

Hunting Drone ทำงานยังไง ?

วิธีการคือโดรนจะถูกส่งขึ้นบินเพื่อขับไล่หมีออกจากสวนแอปเปิลและสวนพีช และเจ้าโดรนตัวนี้จะถูกติดตั้งลำโพง พร้อมปล่อยเสียงเห่าของ “สุนัขล่าเนื้อ” ซึ่งเป็นเสียงที่หมีจะหวาดกลัวและพยายามหลีกเลี่ยง แต่มันยังไม่สุด เพื่อให้เจ้าหมีเกิดความตื่นกลัวและกลับเข้าป่าให้รวดเร็วที่สุด จึงเพิ่มการติดประทัดเข้าไปกับตัวโดรนด้วย

นาโอฟูมิ โยชิกาวะ (Naofumi Yoshikawa) เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการทดลองกล่าวว่า “เราต้องการมาตรการที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว” และเทคโนโลยีนี้ก็แสดงให้เห็นถึงแนวทางในการจัดการกับวิกฤตสัตว์ป่าที่ล้ำสมัยของญี่ปุ่นครับ

อย่างไรก็ดีการนำเทคโนโลยีมาช่วย ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ค่อนข้างเจ๋ง เพราะถ้าใช้กำลังที่อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง