เชื่อว่าช่วงหลังมานี้ หลายคนที่ไถฟีด TikTok น่าจะเริ่มเอะใจกับคอนเทนต์แปลกตาที่โผล่ขึ้นมาให้เห็นบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดสวย ๆ ที่ดูเนียนเกินจริง หรือคลิปวิดีโอที่ดูลื่นไหลแต่ให้ความรู้สึกแปลก ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้คือผลงานของ AI ที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่แพลตฟอร์มอย่างมหาศาล จนเกิดคำถามว่า ถ้าเราไม่อยากดูล่ะ เราทำอะไรได้บ้าง? ล่าสุด TikTok ไม่ได้นิ่งนอนใจ เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อจัดการเรื่องนี้

ข้อมูลในเว็บไซต์ของ TikTok ระบุว่ากำลังเตรียมอัปเดตส่วน Manage Topics (การจัดการหัวข้อ) ที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปปรับแต่งความสนใจของตัวเองได้ โดยปกติแล้วเราจะเห็นหมวดหมู่ทั่วไปอย่าง การเต้น กีฬา ข่าวสาร แฟชั่น หรือสุขภาพ แต่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ จะมีตัวเลือกใหม่เพิ่มขึ้นมานั่นคือ AI-generated content (คอนเทนต์ที่สร้างมาจาก AI) ที่ทำให้เราสามารถเลือกความถี่ในการมองเห็นได้

วิธีการสังเกตคอนเทนต์ที่ถูกสร้างจาก AI

แต่จุดที่น่าสังเกตและต้องขีดเส้นใต้ตัวหนา ๆ เลยก็คือ ทาง TikTok ยืนยันว่า จะไม่มีปุ่มให้ปิดการแสดงผลคอนเทนต์ที่ถูกสร้างจาก AI แบบถาวร นั่นหมายความว่า แม้เราจะลดระดับไปจนสุดแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสที่คอนเทนต์ที่ถูกสร้างจาก AI จะหลุดรอดเข้ามาในโชว์บนหน้าฟีดของคุณอยู่ดี

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนคือ AI ? ปกติแล้วทาง TikTok จะให้ผู้สร้างระบุแท็กว่าเป็นคอนเทนต์ที่ถูกสร้างมาจาก AI แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้ามีการเซฟคลิปแล้วไปลงใหม่ แท็กก็จะหายไป ทำให้เหมือนกับเป็นวิดีโอทั่วไป

จุดนี้เลยทำให้ TikTok เริ่มทดสอบระบบที่เรียกว่า Invisible Watermarking หรือลายน้ำที่มองไม่เห็น เพื่อใช้ในการระบุตัวตนของคอนเทนต์นั้น ๆ โดยเทคโนโลยีนี้จะฝังอยู่ใน Metadata ของไฟล์ ซึ่งจะทำให้ยากต่อการลบออก แม้ว่าคลิปนั้นจะถูกนำไปรีอัปโหลด หรือแชร์ไปยังแพลตฟอร์มอื่น ป้ายกำกับว่าเป็น AI ก็จะยังคงติดอยู่ โดยจะครอบคลุมเนื้อหาที่สร้างจากเครื่องมืออย่าง TikTok AI Editor Pro และเนื้อหาที่มีมาตรฐาน C2PA Content Credentials

การมาของฟีเจอร์คัดกรองคอนเทนต์ที่ถูกสร้างจาก AI บน TikTok ถือเป็นก้าวแรกที่ดีในการให้สิทธิ์ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ สามารถเลือกเนื้อหาที่อยากจะเห็น หรือไม่อยากจะเห็นได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้หลายคนต้องเจอกับสิ่งที่ไม่อยากดู แต่ถึงอย่างนั้นการที่ TikTok ยืนยันว่าจะไม่มีปุ่มปิดถาวร ก็เป็นสัญญาณเตือนกลาย ๆ ว่าในอนาคต โลกโซเชียลมีเดียของเราอาจแยกไม่ออกระหว่าง ความจริงกับสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น อีกต่อไป

สุดท้ายแล้ว ลายน้ำที่มองไม่เห็น (Invisible Watermarking) จะแข็งแกร่งพอที่จะสู้กับนักก๊อปปี้คอนเทนต์ได้จริงหรือไม่ ? และผู้ใช้งานอย่างเราจะโอเคไหม ถ้าอัลกอริทึมยังคงเสิร์ฟคอนเทนต์ที่ถูกสร้างจาก AI มาให้เราดู แม้เราจะบอกว่าพอแล้วก็ตาม? นี่เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป