โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินหน้าจัดระเบียบโลก AI ด้วยการลงนามในคำสั่งบริหาร (Executive Order) ฉบับใหม่ เป้าหมายเพื่อสร้างมาตรฐานกลางระดับชาติและลดทอนอำนาจของแต่ละรัฐในการออกกฎหมายควบคุมปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ด้วยตนเอง
สาระสำคัญ
ทรัมป์สั่งการให้กระทรวงยุติธรรมจัดตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อยื่นฟ้องหรือคัดค้านกฎหมาย AI ของรัฐต่าง ๆ ที่ขัดแย้งกับนโยบายของรัฐบาลกลาง และสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณา ‘ตัดสิทธิ์’ เงินทุนสนับสนุนด้านอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ในอนาคต สำหรับรัฐที่ออกกฎหมายควบคุม AI ที่รัฐบาลมองว่าเป็นภาระหรือเข้มงวดเกินไป
แรงผลักดันนี้มาจากกลุ่มนักลงทุน AI และฝ่ายอนุรักษ์นิยม รวมถึงเดวิด แซ็กส์ (David Sacks) ที่ปรึกษาด้าน AI และคริปโทฯ ของทำเนียบขาว ที่มองว่าหากปล่อยให้ 50 รัฐ ต่างคนต่างออกกฎ จะเกิดกฎเกณฑ์ที่ไร้มาตรฐานกลาง ซึ่งจะขัดขวางการเติบโตของ Silicon Valley และลดความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐฯ ในเวทีโลก
โดยคำสั่งนี้ก็เน้นพุ่งเป้าไปที่กฎหมายของรัฐโคโลราโด ซึ่งพยายามจำกัดความลำเอียงของอัลกอริทึม (Bias) ทรัมป์เองก็มองว่าการที่รัฐโคโลราโดทำแบบนี้เป็นการพยายาม ‘แฝงอุดมคติเชิงอุดมการณ์บางอย่าง’ หรืออาจยัดค่านิยมทางการเมืองลงไปในกฎหมายได้
มุมมองฝ่ายค้าน
ฝ่ายคัดค้านซึ่งนำโดยกลุ่มอัยการสูงสุดของรัฐและองค์กรสิทธิพลเมือง (เช่น องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านสิทธิพลเมืองในสหรัฐอเมริกา หรือ ACLU) มองว่าคำสั่งของทรัมป์เป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และปิดกั้นการทำงานของรัฐโดยไม่ชอบธรรม โดยให้เหตุผลสำคัญว่าเทคโนโลยี AI พัฒนาไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะรอการกำกับดูแลจากส่วนกลางเพียงอย่างเดียว
ซึ่งในทางปฏิบัติ รัฐมีความคล่องตัวและสามารถออกกฎระเบียบเพื่อคุ้มครองประชาชนได้รวดเร็วกว่า โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยและการป้องกันการเลือกปฏิบัติ พวกเขาจึงย้ำว่ารัฐบาลกลางควรสร้างความร่วมมือกับท้องถิ่นมากกว่าสร้างความขัดแย้ง อีกทั้งประธานาธิบดีก็ไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะไปสั่งห้ามไม่ให้รัฐต่าง ๆ ออกกฎหมายของตนเองได้