Merriam-Webster ผู้จัดพิมพ์พจนานุกรมที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ประกาศให้ “Slop” เป็นคำแห่งปี 2025 ซึ่งหมายถึง “เนื้อหา AI คุณภาพต่ำ ซึ่งมักถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมากโดยใช้ความสามารถของ AI” 

“Slop” เติบโตจากการพัฒนาของ AI

กำเนิดของกระแส “Slop” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลผลิตโดยตรงจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี Generative AI ที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างแข่งขันกันปล่อยของออกมาแบบไม่หยุด  

หลังจากนั้นก็ได้แจ้งเกิดครีเอเตอร์จำนวนมหาศาล ที่สร้างวิดีโอประหลาด ๆ ภาพโฆษณาที่ดูบิดเบี้ยวผิดเพี้ยน โฆษณาชวนเชื่อราคาถูก ข่าวปลอมที่ดูแนบเนียน ภาพตัวอักษรแปลก ๆ และแน่นอนว่ารวมถึงคลิปแมวพูดได้ ซึ่งผู้คนต่างรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ และกังวลกับการแยกไม่ออกระหว่างคอนเทนต์จริงกับคอนเทนต์ปลอม แต่ในขณะเดียวกันก็เสพมันอยู่อย่างนั้น แม้จะมีการพยายามติดลายน้ำดิจิทัล เพื่อระบุว่าอันไหนคือ AI แต่ผู้สร้าง Slop ก็จะหาวิธีลบมันออกเสมอ

“สร้างง่ายและอยู่ทุกที่” ความน่ากลัวของคอนเทนต์ขยะ AI

The Wall Street Journal ให้คำจำกัดความไว้อย่างเจ็บแสบว่า “AI Slop อยู่ทุกแห่ง” เปรียบเสมือนฝุ่นละอองที่แทรกซึมไปในทุกแพลตฟอร์ม แม้กระทั่งในความบันเทิงเบาสมองอย่างคลิปแมวที่ดูตลก แต่ลึก ๆ แล้วมันคือการกัดเซาะมาตรฐานของคุณภาพเนื้อหาอย่างช้า ๆ ด้าน CNET มองข้ามเรื่องความรำคาญไปสู่ปัญหาระดับโครงสร้าง โดยรายงานว่า AI Slop กำลังเปลี่ยนโซเชียลมีเดียให้กลายเป็นดินแดนรกร้างที่ไร้ปฏิสัมพันธ์

คอนเทนต์ขยะจาก AI เหล่านี้ เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายอย่างที่สอดรับกัน อาทิ การมีเครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT หรือ Sora ทำให้ใครก็กลายเป็นครีเอเตอร์ได้ โดยไม่ต้องมีทักษะศิลปะหรืองานเขียน

เมื่อมีการผลิตคอนเทนต์ออกมาแล้วก็มีการสนับสนุนด้วยอัลกอริทึมของโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook, TikTok และ X ที่ให้ค่ากับความแปลก เพื่อดึงดูดสายตา ที่เรามักจะเห็นว่าคอนเทนต์เหล่านี้จะถูกดันขึ้นฟีดหรือไทม์ไลน์มาตลอดเวลา ประกอบกับการผลิตภาพหรือวิดีโอ 1,000 ชิ้นด้วย AI แทบไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเลย เมื่อเทียบกับการจ้างมนุษย์ผลิตเพียงชิ้นเดียว และกลายเป็นปัญหาการแทนที่มนุษย์ด้วย AI ตามมา

หยุด Slop ต้องทำยังไง ?

อนาคตของ Slop อาจจะพัฒนาไปในทิศทางที่ซับซ้อนขึ้น AI จะเริ่มสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจเราคนเดียว โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรม เพื่อหลอกล่อให้เราคลิกหรือเชื่อข้อมูลนั้น ๆ หรืออินเทอร์เน็ตจะเต็มไปด้วย AI ที่คุยกันเองจนมนุษย์กลายเป็นส่วนน้อย และคอนเทนต์ที่มนุษย์ทำจริง ๆ จะถูกกลืนหายไป 

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว “Slop” เป็นเสมือนกระจกสะท้อนความขี้เกียจของเทคโนโลยีที่เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ และคนจำนวนไม่น้อยก็พร้อมจะเสพสิ่งนี้ ทางออกเดียวที่จะสู้กับมันได้ไม่ใช่แค่การแบน AI แต่คือ “Digital Literacy” หรือความฉลาดในการเลือกรับสื่อของผู้ใช้งานเอง รวมถึงการที่แพลตฟอร์มต้องปรับอัลกอริทึมเพื่อให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วยเช่นเดียวกัน