ดูเหมือนเส้นทางสาย AI ของ Adobe จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบซะแล้ว แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทจะทุ่มเททรัพยากรไปกับการปั้นเครื่องมือ AI อย่าง Firefly ออกมาสู้ตลาด 

แต่ล่าสุดความมุ่งมั่นนี้กลับกลายเป็นดาบสองคม เมื่อ Adobe ต้องเผชิญกับมรสุมทางกฎหมายลูกใหญ่ จากการที่กลุ่มนักเขียนได้รวมตัวกันยื่นฟ้องร้อง โดยกล่าวหาว่าบริษัทแอบนำผลงานลิขสิทธิ์ของพวกเขาไปสอน AI โดยไม่บอกกล่าว แถมข้อมูลที่ได้มายังเป็นของเถื่อนอีกด้วย

จุดเริ่มต้นดรามา มาจากที่กลุ่มนักเขียนเริ่มจับโป๊ะ AI และคดีนี้ก็เป็นการยื่นฟ้องแบบกลุ่ม โดยมีแกนนำคือ เอลิซาเบธ ไลออน (Elizabeth Lyon) นักเขียนชาวอเมริกัน ที่ลุกขึ้นมาเป็นตัวแทนผู้เสียหาย โดยอ้างว่า Adobe ได้นำไฟล์หนังสือเถื่อนจำนวนมหาศาล ซึ่งรวมถึงหนังสือของเธอเอง ไปใช้เป็นข้อมูลในการฝึกสอน โปรแกรม AI ตัวใหม่ที่ชื่อว่า ‘SlimLM’

จาก Open Source กลายเป็นของโจร ? 

ประเด็นที่น่าสนใจของคดีนี้อยู่ที่ที่มาของข้อมูล ทาง Adobe พยายามชี้แจงว่า โมเดล SlimLM ของตัวเองนั้นขาวสะอาด เพราะเทรนมาจากชุดข้อมูลฟรีแบบ Open Source ที่ชื่อว่า SlimPajama

แต่ฝั่งกลุ่มนักเขียนผู้เสียหายได้งัดหลักฐานมาโต้กลับว่า เจ้าชุดข้อมูล SlimPajama ที่ Adobe อ้าง แท้จริงแล้วไส้ในของมันถูกคัดลอกมาจากฐานข้อมูล Open Source อีกที ซึ่งในนั้น ดันมีโฟลเดอร์เจ้าปัญหาที่ชื่อว่า Books3 ซ่อนอยู่

Books3 คือระเบิดเวลา สำหรับคนในวงการเทคฯ โดยคนในวงการจะรู้ดีว่า Books3 คือคลังไฟล์หนังสือเถื่อน ขนาดมหึมาที่รวบรวมหนังสือไว้กว่า 191,000 เล่ม ที่ถูกแฮกหรือก๊อบปี้มาแจกว่อนเน็ต การที่ Adobe นำชุดข้อมูลที่มี Books3 มาใช้ จึงเท่ากับว่าบริษัทกำลังใช้ของโจร มาสร้างผลิตภัณฑ์ AI ของตัวเองทางอ้อมนั่นเอง

แต่ทว่า Adobe ก็ไม่ใช่รายแรกที่เจ็บตัว เพราะเจ้า Books3 นี้ ก่อนหน้านี้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple กรณี Apple Intelligence และ Salesforce ก็เคยโดนกลุ่มเจ้าของลิขสิทธิ์ฟ้องร้องด้วยข้อหาเดียวกันมาแล้ว เพราะความต้องการข้อมูลมหาศาลมาเทรน AI ทำให้หลายค่ายเผลอหยิบฉวยข้อมูลสีเทามาใช้โดยไม่ตรวจสอบให้ดี

คดีนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยครั้งสำคัญ เพราะเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัท Anthropic ผู้สร้างแชตบอต Claude เพิ่งจะยอมตัดใจควักเงินกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 50,000 ล้านบาท เพื่อยอมความกับกลุ่มนักเขียน ที่รวมตัวฟ้องในลักษณะเดียวกัน 

อย่างไรก็ดี ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Adobe จะเลือกสู้คดีต่อ หรือจะยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อจบปัญหาเหมือนเพื่อนร่วมวงการ