จากคาดการณ์ความต้องการใช้งาน ดาต้าเซ็นเตอร์ ในประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องประมาณ 30% เทียบปีต่อปี จนถึงปี พ.ศ. 2563 ธุุรกิจจะสามารถบริหารจัดการจัดการข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น ทำงานได้ฉลาดขึ้น และสามารถปรับขยายโครงสร้างได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงแม้จะมีการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมากมาย ปัจจัยเหล่านี้ก็ไม่ได้อธิบายคุณลักษณะเฉพาะของไฮบริดคลาวด์ได้ และถึงแม้ไฮบริดคลาวด์จะมีรูปแบบที่โดดเด่นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก เน็ตแอพ ในฐานะผู้นำทางด้านไฮบริดคลาวด์ มุ่งมั่นในการช่วยเหลือองค์กรทั่วโลกให้สามารถดึงศักยภาพอันทรงพลังของข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตในยุคที่ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคง

ในช่วงหลายปีมานี้ การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเป็นแรงผลักที่ส่งผลให้ธุรกิจหันมาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จาก process-centric : การใช้กระบวนการเป็นศูนย์กลาง เป็น data-centric : การใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางแทน แต่ละองค์กรมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาขีดความสามารถเพื่อช่วยผลักดันธุรกิจของตนให้เติบโตด้วยสินทรัพย์อันมีค่าอย่าง “ข้อมูล” ด้วยเหตุนี้ จึงมีการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์เพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กับข้อมูลที่เกิดขึ้นวินาทีต่อวินาที รายงานด้านล่างเกี่ยวกับการนำระบบคลาวด์คอมพิวติ้งมาใช้ในปี 2561  ทำให้เราสามารถคาดการณ์แนวโน้มการใช้ข้อมูลในปีถัดไปได้ว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณอย่างแน่นอน

ผลสำรวจจาก เดอะ ไรท์สเกล เกี่ยวกับการใช้งานคลาวด์ในปี 2561 หรือ The RightScale 2018 State of the Cloud Survey แสดงข้อมูลการลงทุนทางด้านคลาวด์คอมพิวติ้งขององค์กรที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า แต่อีกแง่หนึ่ง พบว่า 35% ของมูลค่าการลงทุนใช้งานระบบคลาวด์ขององค์กรนั้นเป็นไปโดยสูญเปล่า ดังนั้นในปี 2561 การใช้งานระบบคลาวด์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงกลายเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานเลือกพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ

องค์กรยังมีการให้ความสำคัญกับมัลติคลาวด์อย่างต่อเนื่อง หลายบริษัทรายงานว่า โดยเฉลี่ยพวกเขาใช้งานโซลูชั่นคลาวด์ที่หลากหลายถึง 5 รูปแบบ

  • นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็ตแอพ ประจำมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ กล่าวว่า “ปัจจุบัน องค์กรทั่วโลก 81% ได้นำกลยุทธ์มัลติคลาวด์มาใช้งาน ขณะที่อีก 51% ใช้งานไฮบริดคลาวด์ และอีก 31% ได้ยกระดับธุรกิจของตนไปสู่การใช้งานไพรเวทและพับลิคคลาวด์ควบคู่กันไป ทั้งนี้ เราคาดว่าข้อมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินความสามารถในการเคลื่อนย้ายข้อมูลเหล่านั้น ทำให้นวัตกรรมอย่างการใช้เวอร์ชวล เมชชีนมาเป็นโครงสร้างพื้นฐานบนเครื่อง ‘Rideshare’ ให้แก่ดาต้าเซนเตอร์เป็นอีกหนึ่งทางออกที่สามารถรับมือกับความต้องการที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที”
  • เน็ตแอพพร้อมชูวิสัยทัศน์ Data Fabric โซลูชั่นที่ทำให้ลูกค้าระดับองค์กรในประเทศไทยสามารถจัดเก็บ บริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลบนแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์และมัลติคลาวด์ได้อย่างทั่วถึง ทำให้ธุรกิจสามารถปรับขยายและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลทั้งหมด ไม่ใช่แค่เพียงข้อมูลจากส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น รูปแบบของ Data Fabric เข้ามาช่วยเสริมยุทธศาสตร์ระดับโลกของเน็ตแอพ ในด้านการให้บริการสตอเรจระดับองค์กร ทำให้ผลประกอบการรายได้ในไตรมาสที่สามของปี 2560 เพิ่มขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบปีต่อปี

เน็ตแอพกับวิสัยทัศน์ Data Fabric

ผู้นำขององค์กรต่างตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เกิดจากข้อมูลมหาศาลและการนำข้อมูลเหล่านั้นมาต่อยอดพัฒนาองค์กร สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความท้าทาย นำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เป็น data-centric หรือ องค์กรที่ใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลาง ซึ่งถือเป็นภาระหน้าที่อันใหญ่หลวง และต้องอาศัยวิธีการที่จะทำให้องค์กรสามารถบริหารจัดการข้อมูลให้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับอนาคต และให้อิสระแก่ผู้ใช้งาน

เน็ตแอพ ช่วยลดความยุ่งยากและบูรณาการการบริหารจัดการข้อมูลด้วย Data Fabric ได้อย่างไรบ้างมาดูกัน :

  • ไฮบริดคลาวด์กับประสิทธิภาพอันทรงพลัง: มอบอิสระให้คุณสามารถบริหารจัดการ รวมถึงเคลื่อนย้ายข้อมูลไปทุกที่บนคลาวด์ในทุกแพลตฟอร์มได้อย่างปลอดภัย
  • สร้างดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่: มอบสเกลการปรับขยายที่ยืดหยุ่นและคุณภาพของบริการที่ทันสมัยผ่านแอพพลิเคชั่นได้ตามต้องการ
  • ระบบสตอเรจที่ทันสมัยผ่านทางการบริหารจัดการข้อมูล: อัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างบริการทางด้านข้อมูลที่ทันสมัยสำหรับแอพพลิเคชั่นที่มีอยู่

ผนึกกำลังกับไมโครซอฟท์ อาชัวร์ (Microsoft Azure)

เน็ตแอพ ขยายพันธมิตร ไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud) กับ Microsoft Azure ซึ่งลูกค้าสามารถนำแอพพลิเคชันของตนไปใช้ Azure ได้อย่างต่อเนื่องยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพและมีความน่าเชื่อถือที่นำเสนอโดยบริการด้านข้อมูลของเน็ตแอพ

  • เน็ตแอพ นำเสนอโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลสำหรับแพลตฟอร์ม “ไมโครซอฟท์ อาชัวร์”  เปลี่ยนโลกของไฮบริดคลาวด์ด้วยเน็ตแอพและไมโครซอฟท์ เน็ตแอพ จับมือกับไมโครซอฟท์ อาชัวร์ มอบทางเลือกให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพและความประหยัดจากคลาวด์ เน็ตแอพ พร้อมช่วยเหลือคุณเสมอไม่ว่าคุณจะกำลังพิจารณาแพลตฟอร์มคลาวด์อย่าง อาชัวร์ เพื่อปรับขยายขอบเขตการป้องกันข้อมูล ปรับขยายเวิร์กโหลดไปสู่คลาวด์ หรือแม้กระทั่งการสั่งการต่างๆ บนระบบคลาวด์
  • จัดการข้อมูลแบบคลาวด์ Azure ของคุณด้วยคุณสมบัติระดับองค์กรที่คุ้นเคย
  • จัดเตรียมและจัดเก็บข้อมูลใน Azure ได้อย่างง่ายดายด้วยการปรับใช้ด้วยคอนเซ็ปต์ “ชี้และคลิก (point-and-click)”  แบบง่ายๆ
  • เพิ่มความเร็วในการสำรองข้อมูลทั้งหมดและคืนค่าให้เป็น Azure
  • ประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

โครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จระดับองค์กรคือการเตรียมพร้อมไปสู่อนาคต

เน็ตแอพ ขยายพอร์ตโฟลิโอด้วยการอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐาน ไฮเปอร์คอนเวิร์จ (HCI) , ไฮบริดคลาวด์ และโซลูชั่นเพื่อจัดการรูปแบบการบริโภค นำเสนอเครื่องมือที่เข้ามาจัดการกับผลกระทบที่เกิดจากข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทุกแห่งหน และสร้างมูลค่าให้กับทั้งองค์กร

ความสมบูรณ์แบบของ Data Fabric ทำให้โครงสร้างพื้นฐาน ไฮเปอร์คอนเวิร์จ (HCI) ถูกนำไปใช้งานเพื่อจัดการระบบการทำงานของดาต้าเซ็นเตอร์และลดค่าใช้จ่ายทางด้านการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตาม โครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จ (HCI) ยังคงต้องพัฒนาเพื่อทำให้การสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ประสบผลสำเร็จ พร้อมรองรับความต้องการในอนาคต

นอกจากความเรียบง่ายที่คุณจะได้รับ สิ่งที่ทำให้โครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จ (HCI) ระดับองค์กรนั้นโดดเด่นและแตกต่าง มีดังนี้

  1. ความสามารถในการคาดการณ์ (Predictable) : เมื่อคุณมีแอพพลิเคชั่นอยู่บนโครงสร้างพื้นฐานเดียวกัน อาจมีความเป็นไปได้ที่แอพพลิเคชั่นต่างๆ จะไปรบกวนประสิทธิภาพการทำงานของกันและกันได้
  2. ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขยาย(Flexible and scalable) : HCI จะต้องมีความสามารถในการปรับขยายการประมวลผลและการจัดเก็บทรัพยากรข้อมูลได้อย่างอิสระ
  3. การทำงานโดยอัตโนมัติ (Automated) : ระบบออโตเมชันจะช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานของคนได้ ทั้งยังช่วยให้พนักงานสามารถบริหารเวลาที่ไปกับหน้าที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แม้ว่าหลาย ๆ โซลูชันของ HCI จะมีโหนดที่รวมการคำนวณและการจัดเก็บ (storage) NetApp HCI ช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มโหนดการจัดเก็บ (storage nodes) หรือโหนดคำนวณ (compute nodes) ได้ตามที่ต้องการ มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเนื่องจากความต้องการของโปรแกรมเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา

ขณะที่ความสามารถและการแข่งขันทางธุรกิจยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบหรือธุรกิจและผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ก็จะต้องหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อสร้างความต่างให้ตัวเองโดยการปลดล็อกข้อจำกัดของข้อมูลที่มีค่า เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลที่ดีที่สุดของ NetApp ควบคู่ไปกับความเชี่ยวชาญระดับโลกในการจัดการแบบผสมผสานและแบบมัลติคลาวด์ทำให้เรามีความแข็งแกร่งในการรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบดิจิทัลของประเทศไทยและก้าวไกลไปสู่ระดับภูมิภาค

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.netapp.co