Advertorial

ในยุคปัจจุบันที่องค์กรเริ่มมีการขยับขยายฐานลูกค้าจากระดับประเทศ ไปสู่ระดับโลก นั่นหมายความว่าระบบต่าง ๆ โดยเฉพาะด้าน Server จะต้องมีการขยับขยายตามไปด้วย แต่ถ้าการขยับขยายที่ผิดพลาด กลายเป็นการลงทุนที่เกินตัวเช่น การลงทุนซื้อ/เช่า Server ในต่างประเทศโดยไม่รู้ความต้องการที่แท้จริง ก็จะส่งผลกระทบต่อทั้งบริษัทอย่างมหาศาล ทั้งด้านเงินทุนที่จมไปกับค่าอุปกรณ์ไอทีมูลค่าสูง ทั้งการติดตั้งที่ยากลำบาก รวมไปถึงการทดสอบที่กินระยะเวลาที่ยาวนาน แต่ถ้ามีระบบที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือเพื่อการขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพก็น่าจะดียิ่งกว่าเดิม

เมื่อไหร่ที่ต้องเริ่มใช้ Hybrid Cloud

  • เมื่อธุรกิจมีการขยายตัวจากฐานลูกค้าในภูมิภาคปัจจุบัน ไปยังภูมิภาคอื่นๆ หรือพูดได้ว่าขยายฐานไปยังต่างประเทศ ซึ่งการทำ Hybrid Cloud จะช่วยให้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการเติบโตระบบได้รวดเร็ว และกระจายตัวไปยัง Cloud ในประเทศที่ต้องการ ลูกค้าในประเทศนั้นก็สามารถเชื่อมเข้ามาสู่ระบบ หรือหน้า website เราได้สะดวกและง่ายขึ้น
  • ระบบธุรกิจหยุดชะงักไม่ได้ จึงต้องการความปลอดภัยของระบบ DR (Disaster Recovery) solution จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการทำ Hybrid Cloud ที่เชื่อมต่อกันระหว่าง cloud 2 ระบบได้อย่างลงตัว
  • เชื่อมโยงระบบ Private Cloud มาขยายที่ Public Cloud ทำงานผสานกันระหว่าง 2 ระบบ ผ่านตัวกลางอย่าง VMware platform ช่วยให้การบริหารจัดการเป็นอย่างง่ายดาย ด้วยหน้าตา portal แบบเดียวกัน ไม่ต้องการลงทุนอุปกรณ์ซื้อ/เช่า server อีกแล้ว การขยายงานด้วยการเชื่อมกันของ cloud แบบ Hybrid Cloud นี้จึงเป็นสิ่งบ่งบอกได้ว่าคุณควรจะเริ่มใช้งานได้แล้ว

จุดเด่นของ Hybrid Cloud

  • ผสานระบบในแต่ละระบบเชื่อมเข้าด้วยกัน ทั้งระบบ Private Cloud (On-premise) , Public Cloud อย่างระบบ CSL Cloud หรือ Global อย่าง AWS ก็เชื่อมกันได้แบบ Seemless ไร้รอยต่อ
  • ระบบ Public Cloud ของผู้ให้บริการอย่าง CSL หรือ AWS มีความปลอดภัย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอย่าง ISO27001 และ CSA STAR นอกจากนี้ระบบเน็คเวิร์คยังเชื่อมต่อเข้าสู่ Gateway Internet ขนาดใหญ่ พร้อมด้วยทีมงานวิศวกรที่ดูแลระบบตลอด 24 ชั่วโมง
  • Global Cloud ที่คุ้นเคยกันดีอย่าง AWS นั้นมีตัวช่วยให้เลือกหลากหลาย function และทาง CSL เป็น partner ของ AWS จึงพร้อมที่จะให้คำปรึกษา ในการออกแบบระบบ การบริหารจัดการ budget ให้ลงตัวในการเลือกใช้งานเชื่อมต่อ Hybrid Cloud กับ AWS ได้ทันที
  • ระบบ Hybrid Cloud นอกจะเป็นการขยาย resource ไปกระจายตาม cloud ต่างๆ เพื่อความคล่องตัวแล้ว อีกประการคือการทำไซต์สำรอง เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน สามารถย้าย resource มาทำงานบน cloud ชุดที่เชื่อมต่อไว้ได้ ช่วยให้การใช้งานมีความเสถียร ตอบโจทย์การใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงที่ไม่มีวันหยุดได้ดีทีเดียว เพระหากระบบหยุดทำงานอาจหมายถึงรายได้ที่หายไปขององค์กรคุณเช่นกัน

Hybrid Cloud Solution กับความพร้อมของ CSL ที่จะตอบโจทย์องค์กรคุณในวันนี้

CSL เป็นผู้ให้บริการ Cloud ในประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการมายาวนาน มีวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญในระบบ ช่วยออกแบบโซลูชันให้สอดคล้องกับความต้องการ พร้อมด้วยระบบ VMware platform ที่ใช้ในการ manage ระบบ cloud ก่อนเป็นอันดับแรก และทำการออกแบบระบบให้ขยาย workload ไปยัง Public cloud อย่าง AWS ด้วยการบริหารจัดการผ่านหน้า portal ของ VMware ซึ่งจะเป็นจุดเด่นของโซลูชั่นนี้ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานมีความคล่องตัว เห็น resource ของ cloud ด้วยหน้า portal เดียว ด้วย VMware เป็นระบบที่มีการนิยมใช้งานอยู่แล้ว จึงไม่ต้องมาศึกษาอะไรเพิ่มเติม เทคโนโลยีนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่นักสำหรับคอไอที แต่การใช้งานจริงเรียกได้ว่าในประเทศไทยน้อยรายที่จะเริ่มมีการใช้งานแล้ว การเลือกทีมงานที่เป็นมืออาชีพมีความพร้อมที่จะดูแลจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ด้วยประสบการณ์ของ CSL และความสามารถของทีมวิศวกรที่ผ่านการรับรอง Certificate ต่างๆของ VMware และ AWS จึงมีความพร้อมที่จะช่วยให้องค์กรคุณก้าวสู่ยุค 4.0 ได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ CSL ยังได้คัดสรรบริการที่มาเสริมให้ระบบขององค์กรคุณมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น อาทิ Cloud Firewall, Anti-Malware, WAF และ DDoS protection เป็น one stop service ที่พร้อมให้บริการในทุก ๆ ความต้องการ เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่กำลังมองหาช่องทางการเติบโตของบริษัทได้ดียิ่งกว่าเดิม

สำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการ VMware Cloud on AWS สามารถติดต่อทีมงาน CSL ได้ที่อีเมล [email protected] หรือโทร 02-263-8185 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://dccloud.csloxinfo.com/th/services/vmware-on-aws/