สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะปล่อยภารกิจ Group 5-13 ในการขนส่งดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกเพิ่มอีก 48 ดวง ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-4E ที่ฐานทัพอวกาศแวนเดนเบิร์กในแคลิฟอร์เนีย รัฐฟลอริดา ในวันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม เวลา 12:29 p.m. PT (วันที่ 8 เวลา 02:29 น. ในประเทศไทย) ซึ่งจะเป็นเที่ยวบินที่ 43 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจที่ 45 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023

ภารกิจ Group 5-13 จะเป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V1.5 ไปยังเชลล์ที่ 5 ของดาวเทียม Starlink Gen 2 ซึ่งมีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ได้ปล่อยดาวเทียมในกลุ่มนี้ไปแล้ว 597 ดวง และกำลังปฏิบัติงานอยู่ 594 ดวง ล่าสุดสเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโครที่ 4,365 ดวง และเมื่อภารกิจครั้งนี้สำเร็จจะช่วยให้สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโคจรเพิ่มขึ้นเป็น 4,413 ดวง

ดาวเทียม Starlink V1.5 มีความพิเศษที่ได้ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารระหว่างดาวเทียมด้วยเลเซอร์ ช่วยให้ดาวเทียมสามารถสื่อสารกันในวงโคจรเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรและพื้นที่ห่างไกลอื่น ๆ จึงทำให้ลดจำนวนสถานีภาคพื้นดิน ส่วนดาวเทียม Starlink V2 ขณะนี้กำลังพบปัญหาในการผลิตจึงยังไม่ถูกปล่อยสู่วงโคจร แต่ก็ได้มีการปล่อย V2 Mini ไปแล้ว 86 ดวง ในภารกิจ Group 6-1,  6-26-3 และ 6-4

ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1063 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 12 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยผ่านภารกิจปล่อยดาวเทียม Sentinel 6A สำหรับวัดระดับน้ำทะเล, ปล่อยยานอวกาศ DART เพื่อทดสอบการป้องกันดาวเคราะห์น้อย, ภารกิจ Transporter-7 มหกรรมแชร์เที่ยวบิน, ภารกิจแชร์เที่ยวบิน Iridium OneWeb และปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ 7 เที่ยวบิน

หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1063 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน Of Course I Still Love You ที่จอดรออยู่ในสมุทรแปซิฟิกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด

ที่มา : spacex.com และ nextspaceflight.com

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส