สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะปล่อยภารกิจ Group 6-4 ในการส่งดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) รุ่นใหม่ V2 Mini ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกเพิ่มอีกจำนวน 22 ดวง ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน เวลา 5:56 a.m. ET (16:56 น. ในประเทศไทย) ภารกิจนี้จะเป็นเที่ยวบินที่ 35 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจครั้งที่ 37 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023

ล่าสุด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโครที่ 4,198 ดวง ซึ่งเป็นดาวเทียม Starlink V2 Mini จำนวน 60 ดวง จากภารกิจ Group 6-16-2 และ 6-3 ดังนั้นเมื่อภารกิจนี้สำเร็จก็จะทำให้สเปซเอ็กซ์มี Starlink V2 Mini อยู่ในวงโคจรเพิ่มขึ้นเป็น 82 ดวง และมีดาวเทียมในวงโคจรทั้งหมด 4,220 ดวง

ภารกิจ Group 6-4 เป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในกลุ่มหรือเชลล์ 6 มีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ทั้งนี้ V2 Mini ได้ถูกลดขนาดลงจากรุ่น V2 เพื่อให้รองรับการขนส่งด้วยจรวด Falcon 9 เนื่องจากรุ่น V2 มีขนาดใหญ่จะต้องขนส่งด้วยยานสตาร์ชิปที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้

ดาวเทียม Starlink V2 Mini มีเสาอากาศอาร์เรย์ที่ทรงพลังมากขึ้นและใช้ความถี่ย่าน E-band สําหรับ backhaul (เชื่อมต่อระหว่างโหนด) ซึ่งจะทําให้ดาวเทียมแต่ละดวงสามารถให้ความจุมากกว่า Starlink v1.0 และ v1.5 ได้ถึง 4 เท่า

ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1078 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 3 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยผ่านภารกิจ Crew-6 ในการส่งนักบินอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ เมื่อ 2 มีนาคม 2023 และปล่อยดาวเทียมสื่อสาร O3b mPOWER 3 เมื่อ 28 เมษายน 2023

หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1078 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน Just Read the Instructions ที่จอดรออยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด

ที่มา : spacex.com และ nextspaceflight.com

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส