สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกเพิ่มอีก 23 ดวงในภารกิจ Group 6-33 ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันพฤหัสบดีที่ 7 เวลา 12:07 a.m. ET (11:41 น. ในประเทศไทย) ซึ่งจะเป็นเที่ยวบินที่ 86 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจที่ 90 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023

ภารกิจ Group 6-33 เป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในกลุ่มหรือเชลล์ 6 มีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ทั้งนี้ V2 Mini ได้ถูกลดขนาดลงจากรุ่น V2 เพื่อให้รองรับการขนส่งด้วยจรวด Falcon 9 เนื่องจากรุ่น V2 มีขนาดใหญ่จะต้องขนส่งด้วยยานสตาร์ชิปที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้

ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1077 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 9 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยได้ผ่านภารกิจ Crew-5 ในการส่ง 4 นักบินอวกาศของนาซาไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS), ส่งดาวเทียมนำทาง GPS 3 SV06 ให้กับกองทัพอวกาศสหรัฐฯ, ส่งดาวเทียม Inmarsat 6-F2, ภารกิจ CRS-28 ส่งเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ, ส่งดาวเทียม Galaxy 37 ของ Intelsat และส่งดาวเทียมสตาร์ลิงก์ 3 ภารกิจ

หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1077 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน Just Read the Instructions ที่จอดรออยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด

ล่าสุด ณ วันที่ 4 ธันวาคม สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโคจรที่ 5,164 ดวง ซึ่งเป็นดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในวงโคจรจำนวน 804 ดวง ทำงานผิดปกติ 18 ดวง ซึ่งทั้งหมดมาจากกลุ่มดาวเทียม Group 6 และ Group 7 เมื่อภารกิจนี้สำเร็จก็จะทำให้สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียม Starlink V2 Mini อยู่ในวงโคจรเพิ่มขึ้นเป็น 827 ดวง และมีดาวเทียมในวงโคจรทั้งหมด 5,187 ดวง

เที่ยวบินนี้สเปซเอ็กซ์จะถ่ายทอดสดภารกิจให้ติดตามดูกันได้ผ่านบริการ Broadcast บนแพลตฟอร์ม X (Twitter) ในชื่อบัญชี Official ของ SpaceX

ที่มา : spacex.com