ภาพถ่ายดาวเทียมภาพใหม่ที่น่าทึ่งได้เปิดเผยว่า A23a ซึ่งเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน กำลังเริ่มแตกออกเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ นับพันชิ้น หลังจากที่มันติดอยู่ใกล้กับเกาะที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญของสัตว์ป่าในแอนตาร์กติกา อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนหรืออาจถึงหลายปี กว่าที่ภูเขาน้ำแข็งมหึมานี้จะละลายหายไปทั้งหมด

การเดินทางอันยาวนานของ A23a “ภูเขาน้ำแข็งมหึมา”

A23a มีฉายาว่า “เมกะเบิร์ก” (Megaberg) ปัจจุบันมีพื้นที่ผิวประมาณ 3,100 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับเกาะลองไอส์แลนด์ของสหรัฐอเมริกา ภูเขาน้ำแข็งลูกนี้แตกตัวออกมาจากหิ้งน้ำแข็งฟิลช์เนอร์-รอนเน (Filchner-Ronne Ice Shelf) ตั้งแต่ปี 1986 แต่หลังจากนั้นไม่นาน ส่วนใต้น้ำของมันก็ได้เกยเข้ากับพื้นทะเล ทำให้มันติดอยู่กับที่เป็นเวลานานหลายสิบปี

จนกระทั่งในเดือนมกราคม 2023 ภูเขาน้ำแข็ง A23a ก็หลุดเป็นอิสระและเริ่มเคลื่อนที่ออกจากทวีปแอนตาร์กติกาเป็นครั้งแรก ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา A23a ครองตำแหน่ง “ภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก” อยู่หลายครั้งสลับกับภูเขาน้ำแข็งลูกอื่น ๆ และกลับมาครองตำแหน่งนี้อีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2023

ในช่วงต้นปี 2024 การเดินทางของ A23a ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อเข้าไปติดอยู่ในกระแสวนในมหาสมุทรขนาดใหญ่ ทำให้มันหมุนอยู่กับที่เป็นเวลาหลายเดือน ก่อนจะหลุดออกมาได้ในเดือนธันวาคม 2024 และมุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านช่องแคบเดรก (Drake Passage) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “สุสานภูเขาน้ำแข็ง” ที่ซึ่งภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่จากแอนตาร์กติกามักจะถูกพัดพาไปสู่จุดจบ

แต่ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา สถานการณ์กลับพลิกผันเมื่อ A23a อยู่ในเส้นทางที่จะพุ่งชนเกาะเซาท์จอร์เจีย (South Georgia) ในทะเลสโกเชีย (Scotia sea) และในเดือนมีนาคม ภูเขาน้ำแข็งมหึมาลูกนี้ก็ได้หยุดเคลื่อนที่อีกครั้งหลังจากเกยตื้นกับพื้นมหาสมุทร ณ บริเวณที่ห่างจากชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่านี่จะเป็นการติดอยู่กับที่ครั้งที่สามและเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตและการเดินทางอันยาวนานของมัน

การแตกกระจายของ A23a

ภาพถ่ายล่าสุดจากดาวเทียม Aqua ของ NASA แสดงให้เห็นว่าขอบของ A23a โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณขอบด้านทิศเหนือ กำลังเริ่มสลายตัวและแตกออกเป็นเศษน้ำแข็งจำนวนมหาศาลปกคลุมทั่วบริเวณโดยรอบ NASA’s Earth Observatory บรรยายภาพที่เกิดขึ้นว่า “เศษภูเขาน้ำแข็งนับพันชิ้นลอยเกลื่อนอยู่บนผิวมหาสมุทรใกล้กับภูเขาน้ำแข็งหลัก สร้างฉากที่ชวนให้นึกถึงท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว”

แม้ว่าภูเขาน้ำแข็งที่แตกออกมาใหม่จะดูมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับ A23a แต่ NASA ระบุว่า “หลายชิ้นมีความกว้างอย่างน้อยหนึ่งกิโลเมตรและอาจเป็นอันตรายต่อการเดินเรือได้” ชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดที่แตกออกมา ซึ่งได้รับการตั้งชื่อว่า A23c มีพื้นที่ประมาณ 130 ตารางกิโลเมตร และกำลังลอยไปทางทิศใต้ (อยู่นอกขอบเขตของภาพถ่ายดาวเทียมเล็กน้อย)

กระบวนการสลายตัวลักษณะนี้เรียกว่า Edge wasting ซึ่งทำให้ขนาดของ A23a ลดลงไปแล้วประมาณ 520 ตารางกิโลเมตรนับตั้งแต่ที่มันมาติดอยู่ ณ ตำแหน่งปัจจุบัน ด้วยอัตรานี้ คาดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนหรือหลายปีกว่าที่ภูเขาน้ำแข็งทั้งลูกจะละลายจนหมด หากไม่มีรอยแตกขนาดใหญ่ที่ทำให้มันแยกออกจากกันเร็วกว่านี้

ผลกระทบต่อระบบนิเวศและสัตว์ป่า

แม้จะไม่มีประชากรมนุษย์อาศัยอยู่บนเกาะเซาท์จอร์เจีย นอกจากนักวิจัยไม่กี่สิบคนที่แวะเวียนมาตลอดทั้งปี แต่เกาะแห่งนี้คือบ้านของสัตว์ป่าจำนวนมาก ทั้งแมวน้ำ นกทะเล และที่สำคัญคือเพนกวินกว่า 2 ล้านตัว

การมีภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์มาเกยตื้นอยู่ใกล้ชายฝั่งอาจสร้างปัญหาให้กับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ โดยเฉพาะเพนกวินที่อาจต้องเดินทางอ้อมเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อไปหาอาหาร นอกจากนี้ น้ำจืดที่ละลายจากภูเขาน้ำแข็งยังสามารถเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและความเค็มของน้ำทะเลโดยรอบได้

ในขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า A23a ส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าในท้องถิ่นมากน้อยเพียงใด แต่เนื่องจากมันอยู่ค่อนข้างไกลจากชายฝั่ง ผลกระทบจึงอาจน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ในทางกลับกัน นักวิจัยบางส่วนชี้ว่าการละลายของมันอาจเป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศทางทะเลโดยการปล่อยสารอาหารลงสู่มหาสมุทร

จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกาละลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในทศวรรษหน้า อาจมีภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่จำนวนมากขึ้นที่เดินทางผ่านเกาะเซาท์จอร์เจียแห่งนี้