เมื่อพูดถึงวิดีโอเกมที่เราเล่นมันก็คือธุรกิจบันเทิง แบบเดียวกับภาพยนตร์เพลงสื่อต่าง ๆ ที่ต้องใช้ความนิยมและสร้างฐานแฟนคลับให้คนมาซื้อเกมของตัวเองไปเล่นให้มากที่สุด ซึ่งถ้าเกมไหนซีรีส์ใดที่มันขายได้และทำกำไรให้บริษัท ทางค่ายเกมก็ย่อมหาทางเข็นเกมเหล่านั้นออกมาเรื่อย ๆ โดยที่บางเกมนั้นเรื่องราวมันควรจบไปแล้ว หรือถ้าจบลงตรงนี้มันจะดูสวยและลงตัวมาก ๆ ในแง่ของการแต่งเรื่อง แต่เมื่อตัวเกมมันขายดีขายได้จึงเป็นปัญหาของนักพัฒนาที่ต้องหาทางเข็นเกมนั้นให้มีภาคต่อออกมาอีกเรื่อย ๆ จนบางเกมนั้นช้ำจนไม่มีชิ้นดีกับการแถเข็นภาคใหม่ออกมา จนคนเล่นเกมถึงกับเกาหัวว่าทำแบบนี้ก็ได้หรอ และนี่คือเกมที่ควรจบไปแล้วแต่ก็ยังมีภาคต่อจนเนื้อเรื่องรวนแต่ก็แถเพื่อไปต่อได้ จะมีเกมอะไรที่สีข้างถลอกจนช้ำบ้างมาดูไปพร้อมกันเลย

Resident Evil ผู้สร้างเกมยังอยากให้จบลงที่ภาค 3

Resident Evil 3

เริ่มต้นเรื่องแรกที่ขอหยิบมาพูดถึงกับเกมที่ควรจะจบเรื่องราวลงตั้งแต่ภาคที่ 3 ของซีรีส์ อย่าง ‘Resident Evil’ ที่ทุกคนคงจะทราบกันดีว่าในภาคที่ 3 ของซีรีส์ผีชีวะภาคนี้จะเป็นการเดินทางของ จิล วาเลนไทน์ (Jill Valentine) ที่พยายามหนีออกมาจากเมืองแร็กคูนที่กำลังมีซอมบี้ออกมาไล่กินคน พร้อมกับเหล่าสัตว์ประหลาดจากห้องทดลอง แถมด้วยการพยายามปิดปากหน่วย ‘S.T.A.R.S.’ เพราะไปรู้ความลับของ ‘Umbrella Corporation’ เข้าในภาคแรก ที่ภาคนี้คือการเฉลยทุกอย่างที่เคยค้างคาเอาไว้ใน 2 ภาคก่อนได้อย่างลงตัว จนขนาดผู้สร้างเกมในตอนนั้นอย่าง ชินจิ มิคามิ (Shinji Mikami) ยังออกมาบอกภายหลังเลยว่า เขาต้องการยุติเรื่องราวของ ‘Resident Evil’ เอาไว้ที่ภาคนี้ แต่เมื่อเกม ‘Resident Evil 2’ มันขายได้ขายดียิ่งกว่าแจกฟรีตามสี่แยกไฟแดง ทาง ‘Capcom’ จึงสั่งให้มีทำภาคต่อออกมาเรื่อย ๆ จนเรื่องราวมันบานปลายมั่วไปหมด

ลองคิดดูว่าเรื่องราวใน ‘Resident Evil’ 1 ถึง 3 เราได้รู้ว่า ‘Umbrella Corporation’ ทดลองบริษัทผลิตยาบังหน้าที่ทดลองกับมนุษย์ อัลเบิร์ต เวสเกอร์ (Albert Wesker) ที่จะขโมยข้อมูลของ ‘Umbrella Corporation’ ตายแล้ว (ตอนนั้นใคร ๆ ก็คิดว่าตาย) เมืองเกิดระเบิดมีคนรอดชีวิตออกมาแฉเรื่องราวความชั่วของ ‘Umbrella Corporation’ มากมายจนบริษัทล้มละลาย เรื่องราวครบจบบริบูรณ์ไม่มีอะไรค้างคาแล้วในแง่ของการแต่งเรื่อง แต่ถ้ามองอีกมุมว่าถ้าเกม ‘Resident Evil’ จบลงตรงนี้เราคงไม่ได้เล่น ‘Resident Evil’ สนุก ๆ อีกแล้วมันก็น่าเสียดายไปเหมือนกัน

Resident Evil 3

Silent Hill 3 เอาเมืองห่าผีมาใช้จนมั่วไปหมดกับเรื่องราวที่ควรยุติลงตั้งแต่ภาค 3

Silent Hill 3

เรียกว่าเอามาใช้จนช้ำเลยก็ว่าได้กับเรื่องราวของเมืองห่าผีอย่างซีรีส์ ‘Silent Hill’ ที่ถูกเอามาใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก แบบพยายามแถให้เกิดเนื้อเรื่องทั้งที่มันแทบไม่เกี่ยวกันเลย ทั้งที่เรื่องราวควรจบตั้งแต่ ‘Silent Hill 3’ แล้ว ยกตัวอย่าง ‘Silent Hill 4’ ที่แถว่าเมืองที่ตัวเอกอยู่นั้นติดกับเมือง ‘Silent Hill’ เลยเกิดเรื่องราว ที่แบบว่าแถให้เกิดขึ้นแบบสุด ๆ ที่เรามารู้ทีหลังว่าทีมงานไม่ได้ตั้งใจสร้าง ‘Silent Hill’ แต่มาเปลี่ยนเอาทีหลัง ขณะที่ภาค 5 ภาค 6 รวมถึงภาคแยกภาคเสริม ก็เป็นการเอาเมือง ‘Silent Hill’ มายำแบบมั่ว ๆ แถ ๆ ไม่สมเหตุผลแถมยังเล่นไม่สนุก

ซึ่งถ้าเรามองในแง่ของเนื้อเรื่องเกมแล้ว ‘Silent Hill’ มันควรจะจบลงที่ภาค 3 ที่เป็นการสรุปเนื้อหาที่ค้างคาจาก 2 ภาคแรกที่บอกให้เรารู้ว่า ‘Silent Hill’ ไม่ใช่สิ่งที่สร้างจากตัวบุคคลแต่มันคือลัทธิบูชาปีศาจ ซึ่งมีเทพเจ้าที่ถูกผู้คนรักไปจนถึงเทพที่ถูกทอดทิ้งจนเกิดเป็นเมืองห่าผี ที่เรื่องราวภาค 3 ก็บอกเราหมดแล้วว่าการกำเนิดเทพที่พยายามทำกันมาตั้งแต่ภาคแรกคืออะไร เมือง ‘Silent Hill’ มันคือเมืองอะไร เรียกว่าสรุปจบเรียบร้อยในภาค 3 พอมาภาค 4 หลายคนก็งงว่ามันเกี่ยวอะไรซึ่งก็พยายามแถว่าเกี่ยวจนได้ รวมถึงภาค 5 ที่พยายามจะเอาเรื่องราวมารวมกับภาคแรกว่าเกี่ยวกับคนในลัทธิในเมือง แต่แทนที่จะเชื่อมกันลงตัวแต่กับไปคนละเรื่องเสียอย่างนั้น ส่วนภาค 6 ก็แถไปว่าตัวเมืองจะเชื่อมต่อกับจิตใจคนที่มาในเมืองร่วมกัน ซึ่งเป็นการโยงที่ทำให้เรื่องของเกมมั่วไปอีก จนถึงตอนนี้หลายคนก็อยากให้เอาเรื่องราว ‘Silent Hill’ มาเริ่มนับ 1 ใหม่ตั้งแต่ต้นแบบไม่เกี่ยวกับภาคก่อน ๆ จักรวาลใหม่ไปเลยจะดีที่สุด

Silent Hill 3

Final Fantasy VII มันจบในตัวเองแล้วจะไปต่อทำไม

Final Fantasy VII

เชื่อว่าหลายคนที่ได้เล่นเกม ‘Final Fantasy VII Remake’ จนจบหรือทราบเรื่องราวของเกมนี้มาแล้ว คงจะรู้กันแล้วว่าเกมภาคนี้มันไม่ใช่การเอากลับมาทำใหม่ แต่มันคือภาคต่ออย่างเป็นทางการของซีรีส์ ‘Final Fantasy VII’ ที่มันควรจบเรื่องราวไปแล้วตั้งแต่ภาคแรกสุดสมัย ‘PlayStation 1’ ที่ทุกอย่างเริ่มต้นเฉลยแก้ปมตัวละครและสรุปทุกอย่างที่เรียกว่าไม่มีอะไรค้างคาแล้ว เพราะในเกม ‘Final Fantasy VII’ ภาคนี้ก็เหมือนกับเกมซีรีส์ ‘Final Fantasy’ ทุกภาคที่ผ่านมา คือเรื่องราวจะเริ่มต้นและจบลงแบบไม่มีอะไรค้างคาให้เราต้องคิดต่อ แต่เมื่อเกม ‘Final Fantasy VII’ มันทำเงินขนาดนี้เลยทำให้ค่ายเกมเอาเกมนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์ ‘Final Fantasy VII Advent Children’ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเหมือน เซฟีรอธ (Sephiroth) ออกมาถึงสามคนกับเนื้อหาที่มาแบบงง ๆ ว่าจะแถให้เกิดขึ้นทำไม นี่ยังไม่นับภาค ‘Crisis Core Final Fantasy VII’ ที่เป็นการเล่าย้อนเรื่องราวก่อนภาคหลักที่เราก็รู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือการเล่าถึงตัวละครใหม่ไปเลยอย่างภาค ‘Dirge of Cerberus Final Fantasy VII’ ที่ก็ไม่รู้จะมีไปทำไมมาอีก จนมาถึง ‘Final Fantasy VII Remake’ ที่เราก็ไม่รู้ว่าคราวนี้เรื่องราวจะออกไปทางไหนอีก สู้เอามา ‘Remake’ แบบจริง ๆ จัง ๆ ไปเลยจะดีกว่าเอามาเป็นภาคต่อแบบนี้ แต่ถามว่าเล่นไหมก็คงต้องเล่นเพราะอยากรู้ว่าเรื่องราวจะไปในทิศทางไหน

Final Fantasy VII

God of War 3 จบสวยไปแล้วแต่คนเล่นก็ยินดีที่มีภาคต่อ

God of War 3

เราต้องยอมรับก่อนว่ามันคือเรื่องน่ายินดีที่เราได้เห็นเกมภาคใหม่ของซีรีส์โล้นซ่าฆ่าทวยเทพอย่าง ‘God of War’ ที่มีภาคต่อออกมาจากภาค 3 ที่เรื่องราวมันควรจบแบบสวย ๆ ไปแล้ว กับการทิ้งให้คนเล่นเกมตอนนั้นคาดเดากันว่าพี่โล้น เครโทส (Kratos) ที่เอาดาบมาแทงตัวเองเพื่อปลดผนึกความหวังในตัวออกมานั้นตายรึไม่ เพราะเราจะได้เห็นเพียงแค่รอยเลือดบนพื้นไม่เห็นศพของพี่แกตรงนั้น ซึ่งการจบลงแบบนี้แม้จะขัดใจใครหลาย ๆ คนแต่มันก็คือการจบแบบปลายเปิดให้เราคิดไปเองว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อเอาเอง จนเมื่อมีการประกาศ ‘God of War’ ภาคใหม่ออกมาบน ‘PlayStation 4’ หลายคนก็เดาว่านี่คงเป็นการเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับภาคเก่า เพราะเรื่องราวในตอนนั้นมันจบแบบสวย ๆ ไปแล้วการเริ่มต้นใหม่กับเรื่องราวใหม่แต่ตัวละครเดิมแบบที่ซีรีส์ ‘Tomb Raider’ ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่พอทางทีมพัฒนาเฉลยว่านี่คือเรื่องราวต่อกันกับภาค 3 หลายคนก็เกาหัวทันที เพราะในตอนภาค 3 เกิดน้ำท่วมโลกมนุษย์ตายเกือบหมดรวมถึงเทพเจ้า แต่พอมาภาคใหม่มีเทพองค์ใหม่สถานที่ใหม่เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นในภาคก่อน ๆ มันเกิดขึ้นในดินแดนเดียวไม่เกี่ยวกัน ทั้งที่ในเรื่องก็บอกว่าทั้งโลก งั้นก็หมายความว่าเทพเจ้าของแต่ละที่แกก็มีพื้นที่ปกครองของตัวเองไม่เกี่ยวกัน ถ้าอย่างนั้นเมื่อจบ ‘God of War Ragnarok’ สองพ่อลูกก็ไปตบเทพดินแดนต่อไปได้เรื่อย ๆ แบบนี้ซินะ ที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนมันก็ดูแปลก ๆ สู้เป็นเนื้อเรื่องใหม่ไปเลยจะดีกว่า

God of War 3

Bayonetta แฟน ๆ เรียกร้องเลยต้องมีภาคต่อ

Bayonetta

นับเป็นเรื่องน่ายินดีของแฟน ๆ ป้าแว่นสายยิงอย่าง ‘Bayonetta’ ที่กำลังจะมีภาค 3 ให้เราได้เล่นบน ‘Nintendo Switch’ กับการเดินทางครั้งใหม่ของป้าแว่น ที่คราวนี้เธอจะไม่ได้สู้กับเทวทูตจากสวรรค์หรือไปกระทืบปีศาจแบบภาคเก่า แต่คราวนี้ป้าแว่นเราจะได้อัดกับมนุษย์ที่อยากเทียบเคียงพระเจ้า ที่บอกเลยว่าเนื้อเรื่องของซีรีส์ ‘Bayonetta’ มันคือการแถให้มี เพราะตัวเกมซีรีส์นี้ถ้าใครเคยเล่นมาแล้วจะทราบดีว่าเกมมันสนุกสะใจขนาดไหน จนทาง ‘Nintendo’ ต้องขอซื้อเกมมาลงเฉพาะเครื่องตัวเอง จนทางทีมพัฒนาต้องแถเนื้อเรื่องต่อไปว่าป้าแว่นต้องเจอกับศัตรูใหม่ที่จู่ ๆ ก็มาทำร้ายป้าแก จนป้ากับเพื่อนต้องไปถล่มรังปีศาจ แบบมีเพราะต้องมี ซึ่งถ้าใครที่เล่น ‘ Bayonetta’ ภาคแรกจบไปแล้วจะรู้ว่าปมทุกอย่างเรื่องราวที่มีมันจบลงในตัวแบบไม่มีอะไรค้างคาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว จนไม่จำเป็นต้องมีการสร้างภาค 2 เพื่อเฉลยปมอะไรอีก แต่เมื่อมันต้องมีเพราะมันขายได้เรื่องราวจึงไม่ค่อยมีน้ำหนักอะไรในภาค 2 ซึ่งภาค  3 ก็คงจะใช้รูปแบบเดียวกัน คือเน้นยิงแหลกความสนุกส่วนเนื้อเรื่องก็ไม่ต้องมีอะไรมาก แค่ตัวร้ายอยากครองโลกแล้วโดนป้าแว่นตบ ที่อาจจะโยงเรื่องราวกับตัวป้าแกนิดหน่อยให้สมเป็นเนื้อเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าคุณไม่สนใจเนื้อเรื่องขอแค่มีป้าแว่นกับปืนมาอัดศัตรูสุดสนุกแบบนี้ จะออกมากี่ภาคก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว

Bayonetta

Assassin’s Creed lll จบแบบปลายเปิดได้น่าสนใจแต่ก็ฝืนมีต่อ

Assassin's Creed lll

อีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าจะจบแบบสวย ๆ ได้ตั้งแต่ภาค 3 กับซีรีส์นักฆ่า 9 นิ้วในอย่าง ‘Assassin’s Creed’ ที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มนักฆ่าที่ต้องย้อนอดีตความทรงจำใน ‘DNA’ ของลูกหลานเหลนโหลน เพื่อไปค้นหาความลับเกี่ยวกับของต่างดาวในตำนานซึ่งตัวละครหลักที่ถูกเอามาใช้ตั้งแต่ภาคแรกอย่าง เดสมอนด์ ไมลส์ (Desmond Miles) ก็ต้องย้อนกลับไปในความทรงจำของบรรพบุรุษหลายต่อหลายครั้ง จนสุดท้ายเรื่องราวก็เฉลยว่าของชิ้นสุดท้ายที่ทุกคนพยายามตามหานั้น มันคือกุญแจที่เป็นทางเลือกที่แสนยากเย็นของไมลส์ ที่ต้องเลือกระหว่างช่วยโลกใบนี้จากพายุสุริยะที่จะส่งตรงมายังโลกให้มนุษย์เกินครึ่งต้องตาย กับทางเลือกที่ 2 เขาสามารถช่วยมนุษย์ทุกคนได้แต่ต้องแลกมากับชีวิตตนเอง และการกระทำนี้จะเป็นการปลดปล่อย จูโน (Juno) หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ต่างดาวที่สร้างอุปกรณ์เพื่อใช้กับมนุษย์ตั้งแต่โบราณ ที่เธอมองว่ามนุษย์สมควรถูกควบคุมให้เชื่องไม่ก็ถูกทำลายไปเสีย เพราะความคิดแบบนี้เธอจึงถูกเพื่อน ๆ จับขังเอาไว้ ซึ่งการปล่อยเธอก็เท่ากับทำให้โลกมีภัยแต่ไมลส์ก็เลือกจะช่วยโลก และฝากฝังการปกป้องโลกเอาไว้กับ ‘Assassin’ รุ่นต่อ ๆ ไป ที่เรียกว่าจบได้สวยและเป็นปลายเปิดให้ทุกคนคิดต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แต่ทำไปทำมาภาคต่อจาก ‘Assassin’s Creed lll’ ก็ไม่ได้เล่าเรื่องของจูโนที่ถูกปลดปล่อยเลย แต่ไปเน้นเล่าเรื่องราวในอดีตที่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องหลัก แค่บอกเราว่าทั้งฝ่ายนักฆ่าและนักบุญก็ทำสงครามต่อไปเนื้อเรื่องไม่ได้เดินหน้าไปไหน ถ้าทำต่อไปแล้วออกทะเลแบบนี้ให้มันจบแค่ภาค 3 จะดีกว่า

Assassin's Creed lll

Rockman 3 มุกเดิมหากินซ้ำทั้งที่ควรจบไปตั้งแต่ภาค 3

Rockman 3

เมื่อพูดถึงเกมซีรีส์ ‘RockMan’ หรือ ‘MegaMan’ เชื่อว่าหลายคนต้องคิดถึงหุ่นยนต์สีฟ้าผู้รักสงบ แต่พอเกิดเรื่องก็พร้อมจะสวมหมวกเข้ามาต่อสู้กับนักวิทยาศาสตร์ผู้ชั่วร้ายอย่าง ดร.วิลลี่ (Dr. Wily) ที่ในตอนจบเกมเราก็จะเห็นชายแก่คนนี้ก้มลงขอโทษในสิ่งที่ได้ทำลงไป ก่อนที่เขาจะหนีไปได้หรือบางภาคก็ถูกจับเข้าคุกแต่ก็หนีออกมาได้ ซึ่งเอาจริง ๆ เนื้อเรื่องตั้งแต่ ‘RockMan 3’ เป็นต้นมามันก็ไม่มีอะไรน่าสนใจหรือน่าค้นหาอีกแล้ว เพราะในภาคที่ 3 นี้เนื้อเรื่องจะเฉลยว่าบุคคลปริศนาที่พกโล่กับเสียงผิวปากสุดเท่อย่าง บลูส์ (Blues) คือพี่ชายของ ร็อคแมน (RockMan) ที่ถูกสร้างขึ้นมาก่อนแต่บลูส์ไม่เชื่อใจในตัวมนุษย์จึงหนีออกมาและแอบช่วยน้องชายอยู่เสมอ แถมในภาคนี้เราจะได้เห็น ดร.วิลลี่เสียชีวิตเพราะถูกถ้ำหล่นมาทับ ซึ่งเป็นตอนจบแบบให้คนเล่นเกมไปคิดเอาเองว่าตาแก่ผู้ชั่วร้ายคนนี้ตายจริงไหม ขณะที่ร็อคแมนของเราก็เหม่อมองท้องฟ้าคิดถึงพี่ชายแล้วพูดว่า “ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย” ไม่ใช่ ๆ ต้องพูดว่า “โลกนี้คงสงบสุขเสียที (เพราะตาลุงที่สร้างความวุ่นวายตายไปแล้ว) ฉันคงจะวางมือได้” ซึ่งถ้าเรื่องราวจบลงตรงนี้เกมก็จะสมบูรณ์แบบในตัวของมันเองทันที แต่ก็อย่างว่าถ้ามันขายได้ก็ต้องแถไปต่อแบบไม่รู้จบ จนตอนนี้เนื้อเรื่องของซีรีส์ ‘RockMan’ ไม่รู้จะไปทางไหนต่อแล้ว และเราก็เชื่อว่าหนึ่งในเหตุผลที่ไม่มี ‘RockMan 12’ ออกมาเพราะทางทีมงานไม่รู้ว่าจะแถเนื้อเรื่องไปทางไหนต่อ (เหตุผลหลักเพราะยอดขายไม่ถึงเป้าที่ ‘Capcom’ ต้องการ) นี่ยังไม่นับภาค ‘RockMan X’ ที่ก็มีเนื้อเรื่องวนไปวนมาทั้งที่ควรจบตั้งแต่ภาค 4 แล้ว เรียกว่าเนื้อเรื่องช้ำรวนไปหมดทั้งสองเกมเลยทีเดียว

Rockman 3

Metal Gear Survive ตอนจบสมบูรณ์ไม่ทำมาแถทำภาคแยก

Metal Gear Survive

ปิดท้ายกับการแถที่ดูแย่ดูไม่ดีไม่ควรทำมากที่สุดจากทั้งหมดที่กล่าวมา กับภาคต่ออย่างเป็นทางการของ ‘Metal Gear Solid V The Phantom Pain’ ที่เรื่องราวหลักของเกมยังไม่จบแถมยังค้างคาอยู่ เหมือนคนเข้าห้องน้ำแต่เอาออกมาไม่หมดต้องออกมาก่อน เพราะทางผู้สร้างเกมอย่าง ฮิเดโอะ โคจิมะ (Hideo Kojima) มีปัญหากับค่ายเกมจนต้องเข็นเกมส่วนที่เสร็จแล้วออกมาก่อน ขณะที่ส่วนสุดท้ายที่เป็นการปิดจบตำนาน ‘Metal Gear Solid’ อย่างสมบูรณ์เราจึงไม่ได้เห็น และเมื่อโคจิมะออกมาแทนที่ทางค่ายเกมจะเข็นในส่วนที่เหลือนั้นออกมาเพื่อให้เกมสมบูรณ์ แต่เปล่าเลยทางค่าย ‘Konami’ กลับไปทำเกมภาคต่ออย่าง ‘Metal Gear Survive’ ที่บอกเล่าเรื่องราวต่อจากตอนจบของ ‘Metal Gear Solid V Ground Zeroes’ ที่ฐานของ ‘BigBoss’ ถูกถล่มมีคนล้มตาย แต่ตอนนั้นเองดันมีประตูมิติเกิดขึ้นและดูดข้าวของและผู้คนไปต่างมิติที่มีซอมบี้ จนทุกคนที่เป็นอดีตทหารของ ‘BigBoss’ จึงต้องหาทางกลับบ้าน ที่เป็นภาคต่อแบบทำมาเพื่ออะไร ตัวเกมนอกจากจะเอาฉากเก่าของ ‘Metal Gear Solid V The Phantom Pain’ มาใช้แล้ว ระบบการเล่นก็ขาด ๆ เกิน ๆ ไม่มีความเป็น ‘Metal Gear’ เลยทั้งที่ทุกภาคที่ผ่านมาคือดีงามและควรมีภาคต่อมาเรื่อย ๆ และควรจบลงในภาคที่ 5 อย่างสมบูรณ์ แต่พอมีภาคนี้ทุกอย่างก็พังแบบไม่มีชิ้นดี จนแฟน ‘Metal Gear’ สาปส่งมาจนถึงตอนนี้

Metal Gear Survive

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเกมที่มีเนื้อเรื่องที่ควรจบไปตั้งนานแล้ว แต่ยังฝืนมีภาคต่อจนเนื้อเรื่องรวนไปหมด ที่นอกจากเกมที่เราหยิบยกมานี้ยังมีอีกหลายซีรีส์ที่เป็นแบบนี้ แต่ก็มีหลายเกมที่จบลงแบบสวย ๆ ไม่มีภาคต่อทั้งที่จบแบบงง ๆ ให้คนเล่นคิดเองอย่างซีรีส์ ‘Dark Souls’ ไปจนถึงเกมที่ออกมาภาคเดียวจบไม่มีต่ออย่าง ‘Bloodborne’ หรือ ‘Sekiro Shadows Die Twice’ ที่ทางค่ายตั้งใจให้จบแบบไม่มีภาคต่อทั้งที่จะไปต่อก็ได้แต่กลับไปทำเกมใหม่แทน หรือทำภาคต่อแต่เป็นเนื้อเรื่องใหม่จักรวาลใหม่ที่ไม่เกี่ยวกันอย่างซีรีส์ ‘Dragon Quest’ หรือ ‘GTA’ แบบนั้นก็ได้ แต่เราก็คงพูดอะไรไม่ได้เพราะบางเกมคนเล่นก็ติดภาพตัวละครหรือเนื้อเรื่องนั้น ๆ ไปแล้ว การสร้างเรื่องใหม่คนเล่นอาจจะไม่ชอบก็ได้ ซึ่งกว่าจะเป็นเกมขึ้นมาได้ไม่ใช่แค่คิดอยากทำแล้วก็ทำ แต่ต้องผ่านความคิดมากมายกว่าจะเป็นเกมให้เราเล่น บวกกับตัวเงินและยอดขายที่มีผลกับเกมภาคต่ออย่างที่เราได้กล่าวไป ดังนั้นถ้าเขาจะมีภาคต่อเราชอบก็เล่นไปไม่ชอบก็ไม่ต้องเล่นดีที่สุด เพราะชีวิตเราเงินเราตัวเราเลือกได้ไม่ต้องซื้อทุกเกมเล่นทุกภาคก็ได้ ฝากเอาไว้ให้เหล่าเกมเมอร์คิดกัน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส