สำหรับซีรีส์ Life Is Strange ถือว่าเป็นแนวเลือกคำถามตอบเพื่อเดินเรื่อง แต่จะใส่สิ่งเหนือธรรมชาติเช่นการย้อนเวลาเข้าไป ทำให้มันแตกต่างและผู้เล่นได้ลุ้นกับการย้อนกลับไปแก้ไขอดีต โดยก่อนหน้านี้มีการวางขายมาแล้วได้แก่ Life Is Strange, Life Is Strange: Before the Storm และ Life Is Strange: True Colors

ส่วนภาคที่มาแนะนำในวันนี้คือ Life Is Strange 2 ที่วางขายในปี 2018 และเพิ่งจะวางขายบน Nintendo Switch ในปี 2023 ทำให้แฟนปู่นินได้สัมผัสภาคต่อของเกมแนวเล่าเรื่องสุดดราม่ากันเสียที หลังจากภาคแรกและ True Colors วางขายไปแล้ว ทำให้ทางทีมงาน Beartai อยากจะหยิบมาลองและแนะนำว่าภาคนี้น่าเล่นเหมือนกับภาคแรกหรือไม่

เรื่องราวถือว่าเป็นประเด็นสำคัญที่สุดของซีรีส์ Life Is Strange เพราะมันมาแนวดำเนินเรื่องด้วยการเลือกคำตอบและสำรวจ โดยในภาคนี้ถือว่ามีดราม่าหนักพอสมควร โดยจะเล่าเรื่องผ่านตัวละคร 2 พี่น้องอย่าง ฌอน ดิแอซ (Sean Diaz) และน้องชายแดเนียล ดิแอซ (Daniel Diaz)

โดยทั้งสองอยู่กับพ่อของเขาใน Seattle แต่แล้วก็เกิดเหตุร้ายกับเพื่อนบ้าน ทำให้ทั้งสองต้องหลบหนีไปเม็กซิโกพร้อมกับพบเจอเรื่องราวสุดดราม่า และเล่าถึงการเหยียดเชื้อชาติ ความรุนแรงที่สองพี่น้องต้องพบเจอถือว่าภาคนี้เล่าเรื่องราวได้ดี แต่ประเด็นหลักของซีรีส์อย่างพลังพิเศษที่ปรกติตัวเอกต้องมีจะถูกลดทอนลงไป เพราะภาคนี้ตัวละครหลักจะไม่มีพลังแล้วแต่น้องชายของตัวเอกจะมีแทน

กราฟิกแบบการ์ตูนที่ธรรมดาแต่ถ่ายทอดได้ดี

ภาพในเวอร์ชัน Nintendo Switch เป็นที่รู้กันว่ามันจะดูด้อยกว่าบนคอนโซลเครื่องอื่นอยู่แล้วด้วยสเปกและข้อจำกัดมากมาย ทำให้หลายเกมที่ย้ายบ้านมาลงคอนโซลลูกผสมมีการลดทอนความละเอียดลง และในซีรีส์ Life Is Strange ก็ทำตั้งแค่ภาคแรกที่แม้ว่าภาพจะไม่ได้โดดเด่นมากนักเพราะตัวละครมาแนวการ์ตูน ไม่ได้เน้นความสมจริงเหมือนเกมอื่น แต่บน Switch ถูกลดระดับลงแต่ก็ไม่ได้ดูแย่อะไร

แต่ใน Life Is Strange 2 ดูเหมือนว่าจะดูดีกว่า 2 ภาคแรกที่ออกบน Switch แม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นอะไรแต่ก็เล่นได้ลื่นดี อย่างไรก็ตามระยะเวลาโหลดของเวอร์ชัน Switch ยังถือว่านานอยู่ แต่ที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนคือเพลงประกอบคุณภาพดี และเสียงพากย์ที่ช่วยเล่าเรื่องราวสุดเข้มข้นได้ดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน และถือเป็นข้อดีของเกมแนวนี้ด้วย

เกมเพลย์เน้นทำเนื้อเรื่อง

ถ้าคุณเคยเล่น Life Is Strange มาก่อนภาคนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพราะเราจะเล่นด้วยการบังคับตัวละครให้เดินสำรวจฉากที่ไม่ได้กว้างอะไรนัก และมีการเลือกการกระทำที่จะส่งผลกับเเนื้อเรื่อง นอกจากนี้ผู้เล่นต้องสำรวจฉากเพื่อเก็บของที่จะเป็นเบาะแสในการตอบคำถามด้วย รวมทั้งมีการถ่ายภาพที่ช่วยในการเล่นได้เยอะมากและในภาคนี้ก็ยังมี

แม้จะไม่ได้โดดเด่นเรื่องเกมเพลย์ เพราะมันอาจจะเรียบไปหน่อยแต่ยังคงสนุกและมีการเล่นกับความรู้สึกของผู้เล่นเหมือนเดิม ที่จะมีคำถามที่ให้ผู้เล่นเลือกจะเหมือนบททดสอบจิตใจ และในภาคนี้จะเล่นถึงจารีตค่านิยมของสังคม (อเมริกัน) ที่ยังคงเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจการเหยียดเชื้อชาติและปัญหาความรุนแรงแบบที่เราเห็นในภาพข่าว ซึ่งเกมก็นำประเด็นนี้มาเล่นได้อย่างลงตัวผ่านชะตากรรมของสองพี่น้อง

เน้นเล่าเรื่องไม่เน้นพลังพิเศษ

อย่างที่บอกไปว่าตัวเอกไม่ได้มีพลังพิเศษ ทำให้เกมเพลย์มีความแตกต่างเพราะมันจะเน้นสำนวจทำเนื้อเรื่องมากขึ้น ส่วนพลังเหนือมนุษย์ของน้องชายของเราจะแปลกกว่าภาคอื่น เพราะดูเป็นพลังที่เน้นทำลายล้าง แม้ผู้เล่นจะไม่สามารถใช้ได้แต่มันจะผลกับการเล่าเรื่องเช่นกัน แต่ก็ต้องบอกตรง ๆ ว่าการที่ไม่ได้ใช้พลังทำให้ภาคนี้ดูเรียบไปหน่อย

ยังดีที่เนื้อเรื่องถูกเขียนออกมาได้เข้มข้น รวมทั้งมีฉากจบหลายแบบมาก ทำให้ผู้เล่นสามารถกลับมาเล่นซ้ำได้หลายรอบเพื่อให้ได้ฉากจบที่ดีที่สุด แน่นอนว่ามันเป็นเกมที่ออกมาสักพักแล้ว แฟนเกมที่เล่นบน Nintendo Switch สามารถไปหาบทสรุปเวอร์ชันอื่นมาเล่นเพื่อปลดล็อกฉากจบที่แตกต่างได้ ทำให้ไม่น่าจะมีจุดไหนติดขัด

Life Is Strange 2 เหมาะสำหรับคนที่อยากเล่นเกมที่เน้นการทำเนื้อเรื่อง ที่เลือกคำตอบเพื่อเดินเรื่องราว และเน้นสำรวจแม้ว่าภาคนี้จะขาดจุดเด่นที่พลังพิเศษเพราะไม่ได้อยู่ที่ตัวเอก แต่การเล่นบน Switch ก็ถือว่าคุ้มเพราะมันเป็นการรวมทุกตอนมารวมในชุดเดียวไม่ต้องซื้อเพิ่มแล้ว หากคุณชอบเสพเนื้อเรื่องก็ควรสานต่อกับภาคนี้

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส