รีวิวเกม Twelve Minutes วนลูปนรก 12 นาทีเป็น 12 นาทีตาย
Our score
8.0

Twelve Minutes

จุดเด่น

  1. การเล่าเรื่องที่น่าติดตามมีการหักมุม
  2. ได้นักแสดงระดับแม่เหล็กมาให้เสียง

จุดสังเกต

  1. ถ้ารู้เรื่องราวแล้วจะหมดสนุก
  2. รูปแบบการเล่นเชยไปหน่อย

Twelve Minutes อีกหนึ่งในเกมเน้นขายไอเดีย และมีเรื่องราวที่ชวนน่าติดตามเหมือนได้ชมภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ ที่แม้ว่ามันจะไม่ได้มีอะไรยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง แต่ด้วยความแปลกและได้ดาราฮอลลีวูดระดับแถวหน้า มาให้เสียงพากย์เป็นตัวละคร ทำให้มันน่าสนใจเพิ่มขึ้นทันที

โดยเกม Twelve Minutes จะได้ดาราดังระดับแม่เหล็กทั้ง เดซี ริดลีย์ (Daisy Ridley) จาก Star Wars และเจมส์ แม็กอะวอย (James McAvoy) จาก X-Men และ วิลเลม เดโฟ (Willem Dafoe) จาก Spiderman มาพากย์เสียงเป็นตัวละครหลัก ซึ่งเกมได้วางขายไปบน PC, Xbox One และ Xbox Series X/S ก่อนแล้วได้วางขายในช่วงกลางปีที่แล้ว และเพิ่งจะออกบน PS4 และ Nintendo Switch ปลายปีที่ผ่านมานี่เอง

ส่วนจุดเด่นแรกของ Twelve Minutes คือเรื่องราวที่เล่าออกมาผ่านการวนลูปของเวลา แม้อาจจะไม่ใช่ไอเดียที่แปลกใหม่อะไรนักเพราะมีภาพยนตร์หรือเกมนำไปใช้หลายครั้งแล้ว แต่ในเกมนี้ก็ยังถือว่ามีการเล่าเรื่องออกมาน่าสนใจ เพราะลูปเวลาที่ตัวเอกติดอยู่จะมีเพียงแค่ 12 นาทีเท่านั้น โดยเราจะเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งจะกลับมาบ้าน แต่แล้วก็เกิดเรื่องเพราะมีตำรวจบุกบ้านแล้วจับตัวแถมยังบอกว่าภรรยาที่รับบทโดย เดซี ริดลีย์ เป็นฆาตกร แต่แล้วตัวเอกจะพบว่าเขาติดอยู่ในลูปเวลาที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ทำให้เรามีโอกาสแก้ไขเพื่อให้พ้นจากเหตุการณ์เลวร้ายได้

กราฟิกธรรมดาแต่มุมมองสุดแหวกแนว

ภาพใน Twelve Minutes นำเสนอจะใช้มุมกล้องด้านบนแบบ 2 มิติ คล้ายกับว่าเรารับชมเรื่องราวผ่านกล้องวงจรปิดอยู่ ถือว่ามาแปลกแต่ก็เป็นเรื่องดีเพราะมันเข้าใจง่าย และมองสิ่งที่ต้องสำรวจได้ชัดเจนดี แต่ความละเอียดของฉากหรือตัวละครดูธรรมดาไปหน่อย เพราะมันไม่มีความโดดเด่นเหมือนกับว่าผู้สร้างไม่ได้เน้นกราฟิก แต่มันก็ถือว่าเข้ากับแนวทางของเกมที่เน้นสำรวจแก้ปริศนาได้อย่างดี

อีกส่วนที่โดดเด่นอีกจุดคือดนตรีประกอบและเสียงที่ทำได้ยอดเยี่ยม เพราะแค่เสียงพากย์ก็ได้นักแสดงฮอลลีวูดคุณภาพมาให้เสียงแล้ว ทำให้เล่าเรื่องเหมือนได้ชมภาพยนตร์ดราม่าระทึกขวัญดี ๆ เรื่องหนึ่งเลย ส่วนเพลงประกอบก็ช่วยเสริมให้การเล่นสนุกขึ้น และยังมีเพลงธีมที่ดูลึกลับเข้ากับรูปแบบการเล่นด้วย เรียกว่าแม้ว่าจะเป็นเกมอินดี้แต่ก็มีอะไรดีแทบไม่แตกต่างจากเกมฟอร์มดีในหลายส่วน

เกมเพลย์เน้นสำรวจแนว Point and Click

รูปแบบการเล่นก็อย่างที่บอกไปว่ามันจะนำเสนอแบบ 2 มิติมุมมองด้านบน และจะใช้การเลื่อนลูกศรเพื่อบังคับตัวละครเดิน เหมือนกับเกมบน PC แนว Point and Click แต่หากเล่นบนคอนโซลจะใช้การใช้ปุ่มกดแทน และผู้เล่นจะใช้บังคับตัวละครให้เดินสำรวจเพื่อทำเนื้อเรื่อง หรือสำรวจเพื่อหาไอเทมเพื่อไปแก้ปริศนา ซึ่งใครเคยผ่านการเล่นเกมแนวนี้มาแล้วก็จะเข้าใจว่าระบบเมนูอาจจะซับซ้อนกว่าแนวแอ็กชันเล็กน้อย แม้ว่าโดยรวมอาจจะดูเชยแต่ก็เป็นแนวทางที่รูปแบบของเกมควรจะใช้

ความโดดเด่นของ Twelve Minutes คือการแก้ปริศนาที่มีเวลาเพียงแค่ 12 นาทีนับตั้งแต่ตัวเอกเดินเข้าห้อง โดยผู้เล่นจะค่อย ๆ เข้าใจเรื่องราว และได้สำรวจเพื่อทำเนื้อเรื่อง และเมื่อมันเกิดเหตุร้ายและจบลงด้วยการวนลูปเวลากลับไปเริ่มต้นใหม่แล้วความสนุกจะเกิดหลังจากนี้ เพราะมันทำให้ผู้เล่นและตัวละครในเกมรู้ถึงเรื่องเหตุร้ายที่จะเกิดในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าและต้องวางแผนรับมือ

การวนลูปเวลาที่สนุกลุ้นตลอด

ส่วนของเรื่องราวของเกมที่ต้องชมเพราะมันมีอะไรให้ประหลาดใจตลอดการเล่น และยังมีการค่อย ๆ เปิดความจริงที่หักมุมแบบคาดเดาไม่ได้ตลอดการย้อนของลูปเวลาในแต่ละรอบ และบทพูดของตัวเอกจะเปลี่ยนไปเพราะเรารู้แล้วว่าจะเกิดเรื่องอะไรในลูปที่ผ่านมาทำให้การกลับมาเล่นหลายรอบไม่น่าเบื่อ แม้ฉากในเกมจะอยู่ในห้องแคบ ๆ ก็ตามถือว่าผู้สร้างทำได้ดีมาก

แน่นอนว่า Twelve Minutes จะมีฉากจบที่นำเสนอจุดจบของเกมได้มากกว่า 1 แบบ ทำให้เราสามารถกลับมาเล่นได้หลายรอบเพื่อเสพเรื่องราว และเนื่องจากพอเริ่มเล่นแล้วมันจะใช้เวลาจริงทำให้หากพลาดอะไรไปแล้วก็จะกลับไปแก้ไม่ได้และอาจจะส่งผลกับฉากจบด้วย ทำให้เราต้องคิดวางแผนให้ดีก่อนจะทำอะไร แน่นอนว่ามันต้องใช้ภาษาในการเล่นพอสมควร และก่อนเล่นไม่ควรไปชมคลิปเล่นโชว์หรือบทสรุปอะไรทั้งสิ้น เพราะความสนุกของเกมแนวนี้คือเนื้อเรื่องเพราะหากรู้เรื่องราวหรือโดนสปอยล์แล้วก็จะหมดสนุกไปเลย

สำหรับ Twelve Minutes ถือว่าเป็นอีกเกมที่ต้องชม เพราะผู้สร้างได้ยกระดับการเล่าเรื่องราวในวีดีโอเกมให้ดีขึ้นไปอีกขั้น มีการนำเสนอที่ดูแปลกตาแหวกแนว ส่วนเกมเพลย์ก็เข้าใจง่ายใช้รูปแบบคลาสสิกที่นำเสนอด้วยมุมกล้องแบบ 2 มิติ แถมยังได้นักแสดงดังมาให้เสียงพากย์ตัวละครด้วย ถือว่ามันมีอะไรมากกว่าที่คาดหวังไว้มาก ใครอยากเล่นอะไรสนุกเร้าใจในแง่ของการเล่าเรื่องที่น่าติดตามไม่ควรพลาดที่จะหามาเล่น

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส