ถ้าพูดถึงซีรีส์เกมสยองขวัญในอดีตที่ทั้งน่ากลัวตื่นเต้นสยองขวัญ เราต้องคิดถึงเกมในซีรีส์ ‘Resident Evil’ เป็นเกมแรก ๆ เพราะในครั้งแรกที่เกมนี้วางจำหน่ายในปี 1998 เกม ‘Resident Evil’ ก็ถูกจัดให้เป็นเกมแนวสยองขวัญสุดน่ากลัว ที่ทุกย่างก้าวนั้นเต็มไปด้วยอันตรายจนหลายคนไม่กล้าเล่น ที่ถ้าเอามาเล่นในยุคนี้เราคงจะรู้สึกต่างออกไป แต่ในอดีตนั้นเกมภาคนี้เป็นที่จดจำของแฟน ๆ โดยเฉพาะรูปของซอมบี้ตัวแรกที่เราเจอในเกมที่ยังคงติดตราตรึงใจใครหลาย ๆ ในยุคนั้น จนมาถึงเกมเรซิเดนต์อีวิลภาค 5 ที่ตัวเกมอาจจะถูกลดทอนความน่ากลัวลงหลังจากนั้น แต่ภายหลังทางทีมพัฒนาก็กลับมาทำแนวสยองขวัญอีกครั้งในภาคที่ 7 จนสามารถทวงบัลลังก์จ้าวแห่งเกมสยองขวัญกลับมาได้ ซึ่งถ้าเรามองย้อนกลับไปในอดีตมาจนถึงตอนนี้ อะไรคือตัวแปรสำคัญของคำว่าความสยองขวัญที่เกม ‘Resident Evil’ มี เรามาหาคำตอบกันในบทความนี้

Resident Evil

ซอมบี้ที่ชวนหลอน

Resident Evil

เริ่มต้นเรื่องแรกกับจุดขายของเกม ‘Resident Evil’ ที่จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเหล่าผีดิบซอมบี้ในเกม ซึ่งตัวซอมบี้ในเกมนี้จะมี 2 แบบหลัก ๆ คือซอมบี้ที่เกิดมาจากการถูกซอมบี้กัดจนติดเชื้อ กับซอมบี้ที่เกิดมาจากเชื้อไวรัสที่หลุดออกมาหรือเป็นตัวทดลอง ส่วนการแยกรูปลักษณ์ภายนอกของซอมบี้ในเกมนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ อย่างซอมบี้ปกติที่ร่างกายยังคงเหมือนมนุษย์ แค่มีบาดแผลตามตัวที่บ่งบอกว่าศพนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ที่เราจะเห็นได้ในเกมภาคต่าง ๆ กับซอมบี้กลายพันธุ์ที่รูปร่างนั้นจะต่างไปจากเดิมอย่างพวก Ooze  ซอมบี้กลายพันธุ์ในเกม ‘Resident Evil Revelations’ ที่จะเป็นซอมบี้กึ่งสัตว์ประหลาด และยิ่งในภาคล่าสุดอย่างภาคล่าสุดในฉบับรีเมคตัวซอมบี้ก็ยิ่งดูหลอนน่ากลัวมากขึ้น จนหลายคนแทบไม่อยากเล่นกันเลยทีเดียว ยิ่งตอนที่พวกมันค่อย ๆ เดินโยกหัวมาหาเราอย่างช้า ๆ ก่อนจะพุ่งตัวมาหาอย่างรวดเร็วเล่นเอาหลายคนรนจนทำอะไรมาถูกกันเลยทีเดียว ซึ่งนั่นคือความน่ากลัวของซอมบี้ที่เกมเรซิเดนต์อีวิลจัดมาให้คุณ

Resident Evil Revelations

เสียงชวนหลอน

Resident Evil

อีกหนึ่งจุดเด่นความหลอนของซีรีส์เรซิเดนต์อีวิลนั่นคืองานทางด้านเสียง ที่ถ้าตัดเรื่องเสียงเพลงประกอบออกไปแล้วนับเฉพาะเสียงประกอบในเกม ที่นักพัฒนาบรรจงใส่ลงไปก็นับว่าสุดยอดจนต้องยกนิ้วให้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเสียงเล็บจิกพื้นของ Hunter ที่แม้เราจะมองไม่เห็นตัวของมันแต่เราก็สามารถได้ยินเสียงเล็บจิกพื้นของมันได้จากไกล ๆ เรียกว่าชวนหลอนแบบสุด ๆ หรือจะเป็นเสียงเลื่อยไฟฟ้าของ ‘Resident Evil 4’ ที่เชื่อว่าทุกคนที่ได้เล่นเกมนี้ครั้งแรกต้องตกใจลนลานทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงเลื่อยไฟฟ้าดังมาจากที่ไกล ๆ นี่ยังไม่นับเสียงร้องครวญครางของเหล่าซอมบี้ เสียงผู้คนที่ร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกซอมบี้กัด เสียงร้องว่าสตาร์ของ Nemesis ในเกม ‘Resident Evil 3’ ที่ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งก็ชวนขนลุก ซึ่งถ้าใครได้ดูเบื้องหลังการสร้างเกมของ Capcom จะเห็นเลยว่าทีมงานเอาใจใส่เรื่องเสียงทุกอย่างมาก ๆ ที่ขนาดเสียงเนื้อถูกฉีก เสียงโซ่ทุกอย่างนั้นจะมาจากเสียงจริง ๆ ทั้งหมด ใครที่ใส่หูฟังเล่นจะรับรู้เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

Resident Evil 4 Resident Evil 3

มุมกล้อง

Resident Evil 2

คุณคิดว่าเกมแนวสยองขวัญควรจะมีมุมกล้องแบบไหน แบบมุมมองบุคคลที่ 1 ที่เห็นแค่ปืนกับมือ แบบมุมกล้องตามหลังตัวละครที่เรียกว่ามุมมองบุคคลที่ 3 หรือเป็นแบบมุมกล้องตายตัวแบบกล้องวงจรปิด ที่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเกมเรซิเดนต์อีวิลก็มีมาให้ครบ ถ้าจะให้เราอธิบายถึงความน่ากลัวในแต่ละแบบให้เข้าใจง่าย ๆ มุมมองบุคคลที่ 1 จะเป็นมุมกล้องผ่านสายตาตัวละคร มันจึงทำให้ผู้เล่นได้เห็นฉากต่าง ๆ เต็มตาเหมือนเราได้ไปอยู่ตรงนั้นเอง แบบมุมมองบุคคลที่ 3 ที่เราเห็นใน ‘Resident evil Remake 2’  กับ 3 จะเป็นมุมมองที่เพิ่งถูกใช้ครั้งแรกใน ‘Resident evil 4’ ที่ตัวเกมอาจจะแสดงความน่ากลัวออกมาได้ไม่เท่าแบบแรก แถมเรายังสามารถมองเห็นฉากและสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าแนวมุมมองบุคคลที่ 1 ซึ่งทางทีมพัฒนาก็ทราบเรื่องนี้ดี จึงเปลี่ยนให้เวลาเล็งปืนมุมกล้องจะเปลี่ยนมาประชิดคนเล่น จนเห็นภาพต่าง ๆ  ตรงหน้าชัดเจนจนทำให้คนเล่นหลอนขึ้นมาได้(ดูรูปประกอบด้านล่าง) หรือจะเป็นแบบมุมกล้องตายตัวแบบในภาคเก่าที่หลายคนคิดว่ามันคงไม่น่ากลัว ซึ่งตรงกันข้ามเพราะด้วยความที่มุมกล้องมันตายตัว เราจึงมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างหัวมุมที่เลี้ยวไปอาจจะมีซอมบี้รออยู่ หรือได้ยินเสียงครางของซอมบี้ตรงหน้าแต่เราไม่เห็นตัวที่ก็ทำเอาคนเล่นเกมหลอนได้ ซึ่งทุกอย่างนั้นถูกคิดมาอย่างดีเพื่อให้คนเล่นเกมได้หลอนกัน

Resident Evil 7

ฉากสภาพศพ

Resident Evil 2

อีกหนึ่งความดีงามชวนสยองที่ทาง Capcom บรรจงใส่ลงไปอย่างละเอียด ที่มีมาตั้งแต่ภาคแรก ๆ นั่นคือสภาพของศพที่ประกอบอยู่ในฉาก ที่ในเกม’Resident Evil’ ภาคแรกอาจจะยังเห็นไม่ค่อยชัด เพราะด้วยตัวกราฟิกที่ยังแสดงภาพละเอียดแบบในยุคนี้ไม่ได้ แต่ทางทีมพัฒนาก็ใส่ใจในรายละเอียดของการใส่ศพลงไป จนคนในยุคนั้นต่างชื่นชมในภาพที่แสดงออกมาว่าน่ากลัว(ดูรูปประกอบ) ยิ่งในยุคนี้ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าแต่ละศพที่เราได้เห็นนั้นมันชวนหลอนน่ากลัวแบบสุด ๆ จนบางทีก็แอบคิดไปว่ามันสมจริงเกินไปไหมเลยทีเดียว

Resident Evil

การออกแบบสัตว์ประหลาด

Resident Evil 7

นอกจากเหล่าซอมบี้ที่เป็นจุดขายของเกม ‘Resident Evil’ แล้ว ก็ยังมีเหล่าตัวละครอาวุธชีวะภาพที่ทางทีมพัฒนาของ Capcom เอาใจใส่ในการออกแบบ และสร้างออกมาจากความรู้สึกกลัวของผู้คนเอามาพัฒนาเป็นสัตว์ประหลาดแบบต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นพวก Molded  จากเกม ‘Resident Evil 7’ (รูปด้านบน) ที่ออกแบบมาได้ชวนหลอนน่ากลัวขยะแขยงแบบสุด ๆ หรือจะเป็นพวกสัตว์ประหลาดกึ่งมนุษย์อย่างพวก Scagdead ใน ‘Resident evil Revelations’ ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง ที่ในทุกภาคทางแคปคอมได้ทำการบ้านมาอย่างดี ว่าคนเราจะเกลียดกลัวอะไรเกมนี้ก็พยายามหามาให้เรา อย่างคนที่กลัวรูเยอะ ๆ หรือลูกตาใหญ่ ๆ เราก็มี Lepotica จาก ‘Resident evil 6’ กับ G ใน ‘Resident evil 2’ เรียกว่ากลัวอะไรแบบไหนทางทีมพัฒนาเอามายำใส่ในสัตว์ประหลาดหมดเพื่อหลอนคนเล่นเกม

Resident Evil 6

ดัดแปลงสัตว์ธรรมดาให้ดูน่ากลัว

Resident Evil

ถ้าพูดถึงความกลัวของมนุษย์นั้นก็มีอยู่หลายแบบ บางคนอาจจะกลัวบางอย่างที่ไม่น่ากลัวอย่างพวกสัตว์ปกติที่ก็ดูน่ารัก แต่หลายคนก็ไม่ชอบอย่างพวกหมาแมวนก หรือบางคนอาจจะกลัวสัตว์มีพิษอย่างงูหรือสัตว์อันตราย ๆ ในน้ำอย่างฉลามที่ดูปกติก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่เมื่อมันมาอยู่ในเกม ‘Resident evil’ ความน่ากลัวนั้นจะยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก อย่างการเอาฉลามปกติมาดัดแปลงเป็นฉลามซอมบี้ในเกม ‘Resident evil’ ภาคแรก น้องหมาซอมบี้ในภาคต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคที่ 5 ที่ดัดแปลงน้องหมาซอมบี้ให้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นจนเรียกว่าหลอนแบบสุด ๆ (รูปประกอบด้านล่าง) นอกจากนี้ก็มีการเพิ่มขนาดใส่ความหลอนลงไปอย่างหมัดยักษ์ใน ‘Resident Evil Outbreak’ ไปจนถึงช้างซอมบี้จระเข้สิงโตนกเงือกที่เป็นการนำสัตว์มาเปลี่ยนให้ดูน่ากลัว พร้อมความโหดชนิดที่เจอต้องวิ่งหนีป่าราบเลยทีเดียว

Resident Evil 5

การดัดแปลงจากฉบับเก่าให้น่ากลัวกว่าเดิม

Resident Evil 3

ถ้าความน่ากลัวของเกม ‘Resident evil’ มาจากทุกสิ่งที่เราพูดมาทั้งหมดมันก็คงจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะในอดีตนั้นตัวเกม ‘Resident evil’ ยังไม่มีกราฟิกที่สวยงามสมจริงแบบในตอนนี้ การออกแบบสัตว์ประหลาดต่าง ๆ จึงไม่ค่อยมีความน่ากลัวเท่าที่มันควรจะเป็น จนเมื่อเวลาผ่านไปทาง Capcom ได้ทำการรีเมกเกมเก่า ๆ ของตัวเองด้วยกราฟิกในยุคนี้ เราจึงได้เห็นการนำสัตว์ประหลาดเก่า ๆ หลายตัวมาเปลี่ยนใหม่ให้ดูหลอนขึ้น อย่าง Hunter γ ที่เปลี่ยนจากสัตว์ประหลาดกบยักษ์มาเป็นสัตว์ประหลาดที่ดูน่ากลัว แต่ก็ยังคงเหลือเค้าโครงของกบเอาไว้(รูปด้านบน)  หรือจะเป็นเจ้าลิ้นยาว Lickers ที่ในฉบับเก่าทำออกมาได้หลอนแล้วมาเจอในฉบับรีเมกยิ่งชวนหลอนมากขึ้นไปอีก ซึ่งนั่นคือจุดขายที่น่าสนใจที่ Capcom ใส่ในให้คนดูรู้สึกกลัว  เพราะสัตว์ประหลาดตัวไหนถ้ามันดูแล้วโอเคทางทีมพัฒนาก็ไม่ไปเปลี่ยนรูปแบบของมัน แต่ถ้าตัวไหนที่ดูแล้วไม่โอเคก็จะถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเพื่อความน่ากลัว ซึ่งทั้งหลายทั้งมวลแล้วก็เพื่อคนเล่นเกมจะได้รู้สึกกลัวเมื่อเห็นพวกมันนั่นเอง ซึ่งก็ได้ผลมาก ๆ โดยเฉพาะแฟนเก่าที่เคยเล่นภาคเก่ามาก่อนจะยิ่งอิน

Resident Evil 2-3

ฉาก Jump Scare

Resident Evil

คุณยังจำความรู้สึกแรกที่หมาซอมบี้กระโดดทะลุกระจกในเกมเรซิเดนต์อีวิลภาคแรกได้ไหม นั่นคือ Jump Scare แรก ๆ ที่เรารู้จักในวงการเกม ที่ในยุคนั้นการที่จะใส่อะไรแบบนี้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในเกม ‘Resident evil’ ภาคแรกสามารถทำได้แถมมากกว่า 1 ครั้ง(อีกครั้งก็ซอมบี้ทะลุออกมาจากตู้เสื้อผ้า กับฉากฮันเตอร์วิ่งมาโผล่ตรงหน้าแบบไม่ตั้งตัว) ซึ่งน่าเสียดายที่ในภาคต่อ ๆ มาเรากลับไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้อีกเลย จนมาถึงเกม ‘Resident evil 7’ ที่คราวนี้ดูเหมือนทีมพัฒนาจะรู้ถึงเรื่องนี้ดีเลยจัดเต็ม Jump Scare เพื่อเอาใจแฟน ๆ ซึ่งแนวคิดนี้ก็ถูกสืบทอดมายังฉบับรีเมกของ ‘Resident Evil’ ภาค 2  กับ 3 ด้วย อย่างซอมบี้ที่น่าจะตายไปแล้วหรือศพที่เราไม่ได้ตรวจสอบอาจจะกระโดดมากัดขาเราก็ได้ นี่ยังไม่นับฉากที่ชวนตกใจในฉากอื่น ๆ อีก เรียกว่าทำออกมาได้ดีจนกลายเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ในซีรีส์นี้ไปแล้ว ซึ่งเราก็คิดว่าใน ‘Resident Evil Village’ ก็ยังคงมีอะไรแบบนี้อยู่อย่างแน่นอนเตรียมตัวกันให้ดี

Resident Evil  Village

ความไม่รู้

Resident Evil 7

คุณว่าอะไรคือความน่ากลัวที่แท้จริง ฉากมืด ๆ ตัวละครที่ออกแบบมาได้น่ากลัวหลอนขยะแขยงหรือฉากจั๊มสแกร์ ? ทุกอย่างที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงองค์ปประกอบของฉากที่เราจะได้รับรู้ตอนเล่น แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าทุกอย่างที่กล่าวมานั่นก็คือความไม่รู้ของผู้เล่น ยกตัวอย่างใน ‘Resident Evil’ ภาคแรก เราจะได้รับบทเป็นหน่วย S.T.A.R.S. ให้มาตรวจสอบป่าเพราะทีมแรกที่มาก่อนนั้นขาดการติดต่อไป พวกเรารวมถึงตัวละครที่เราเล่นกำลังเดินอยู่ในป่าดี ๆ ก็มีตัวอะไรไม่รู้มาทำร้ายเพื่อนร่วมทีม จนทั้งหมดต้องหนีเข้าไปในคฤหาสน์ปริศนากลางป่าโดยที่เราไม่รู้อะไรเลย ซึ่งนั่นคือความน่ากลัวของผู้เล่นที่รู้สึกไม่ไว้วางใจงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งในภาคที่ 7 ที่เปิดเรื่องมาแบบง่าย ๆ กับการติดต่อมาของภรรยาเราที่หายไป 3 ปี จู่ ๆ ก็มีอีเมลวิดีโอมาหาบอกว่าอยู่ที่ ๆ หนึ่ง เราจึงไปรับจนเกิดเป็นเรื่องราวสยองขวัญตามมา ที่ตลอดทางที่ตัวเอกของเกมเดินไปนั้นมันเต็มไปด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ ทำไมครอบครัวนี้ถึงได้ดูบ้าคลั่งโรคจิต เด็กที่มาหลอกหลอนเราคือใคร ทำไมภรรยาของเราถึงกลายเป็นพวกโรคจิตที่ขนาดยิงปืนใส่หัวเอามีดแทงคอก็ไม่ตาย นั่นคือความไม่รู้ที่หลอกหลอนคนเล่นจนกลายเป็นการดึงดูดเราให้เล่นต่อจนจบ นั่นคือความน่ากลัวที่เกม ‘Resident Evil ‘ จัดมาให้เราในทุกภาค แถมปริศนาที่โยนใส่ผู้เล่นพอเฉลยออกมาก็มีเหตุผลน่าเชื่อถือ จนมันกลายเป็นความกลัวที่ผู้เล่นต้องการ และเราก็กำลังจะเจอแบบนี้อีกครั้งใน ‘Resident Evil Village’

Resident Evil

การถูกไล่ล่า

Resident Evil 2

อีกหนึ่งความรู้สึกกดดันน่ากลัวที่เกมเรซิเดนต์อีวิลจัดมาให้คุณ ตั้งแต่ ‘Resident Evil’ ภาค 2 นั่นคือการถูกไล่ล่าของตัวละครบางอย่าง โดยเฉพาะพวกที่ตามล่าเราแบบสุ่มที่เราไม่รู้เลยว่ามันจะเดินมาจากทางไหนหรือตอนนี้มันอยู่ตรงไหนอย่าง Mr.X ในเกมเรซิเดนต์อีวิล 2 รีเมค มันจะสุ่มเดินในฉากแต่เมื่อมันได้ยินเสียงปืนหรือวิ่งของเรามันจะรีบมาหาเราทันที แบบเดียวกับเจค เบเกอร์(Jack Baker) ในภาคที่ 7 ที่จะเป็นการเดินไปมาในบ้านและจะออกมาแบบสุ่มให้เราตกใจ หรือจะเป็นเนเมซิสที่น่าเสียดายที่ทั้งสองฉบับนั้นจะเป็นการออกมาแบบตายตัวที่คนเล่นจะรู้ได้ทันทีว่ามันจะออกมา(ทั้งที่ทีมพัฒนาบอกว่ามันจะดีกว่า Mr.X ในภาค 2 แต่กลับทำออกมาได้แย่กว่า) และเราก็หวังว่าใน ‘Resident Evil Village’ คงจะมีตัวละครไล่ล่าเราแบบนี้อีก เพราะมันช่างดูตื่นเต้นน่ากลัวมาก ๆ

Resident Evil 3

ตัวละครฆ่าไม่ตาย

Resident Evil 3

ต่อเนื่องจากหัวข้อที่แล้วกับตัวละครที่ไล่ล่าเราส่วนมากจะเป็นพวกฆ่าไม่ตาย(ฆ่าไม่ตายตอนแรก) ที่แบบยิงไปก็เปลืองกระสุนจะหนีก็ต้องแลกกับการโดนโจมตีใส่ หรือที่หนักกว่าคือมันขวางทางจนต้องสู้เพื่อล้มมันจึงจะไปได้ แต่อีกเดี๋ยวมันก็ฟื้นตัวขึ้นมาไล่ล่าเราต่อ จะมีเพียงจุดเซฟเกมเท่านั้นที่เป็นจุดปลอดภัยที่คนเล่นเกม ‘Resident Evil’ จะทราบดี ซึ่งนั่นก็เป็นจุดตื่นเต้นน่ากลัวที่ดีงามแต่ก็แลกมาด้วยความรู้สึกกดันของคนที่ขวัญอ่อนขี้ตกใจ ที่จะรู้สึกกลัวลนลานจนเล่นไม่ถูก และที่หนักกว่านั้นคือบางตัวจะมีจุดอ่อนที่ยิงแล้วมันจะล้มอย่างยิงที่หัวหรือลูกตาเท่านั้น แต่การเล็งหัวหรือจุดอ่อนไปพร้อม ๆ กับความกลัวแถมฉากตรงนั้นก็ไม่ใช่การสู้กับหัวหน้าประจำฉาก เราจึงไม่มีกระสุนหรือยาฟื้นพลังในฉาก ซึ่งกว่าจะล้มมันไปได้(ที่เดี๋ยวมันก็ฟื้น) ที่แลกไปกับกระสุนยาจำนวนมากนั่นก็คืออีกหนึ่งความรู้สึกกดดันที่คนเล่นเกมได้เจอ  เพราะกว่าจะเจอกระสุนยาฟื้นพลังชุดต่อไปต้องไปอีกไกลแค่ไหน หรือจะย้อนกลับมาที่ลังใส่ของจะทันไหม แล้วระหว่างทางที่เราไปนั้นพวกมันจะฟื้นขึ้นรมาตบเรารึเปล่า ที่คิดแค่นี้ก็ชวนหลอนจนแทบอยากเลิกเล่นแล้วสำหรับหลาย ๆ คน นี่ยังไม่นับพวกตัวธรรมดาที่ฆ่าไม่ตายหรือต้องยิงเฉพาะบางจุดอย่าง Verdugo กับ Regenerador ใน ‘Resident Evil 4’ (รูปประกอบด้านล่าง) ที่เราเชื่อว่าหลายคนคงจะเลิกเล่นกลางทางเพราะพวกมันอย่างแน่นอน

Resident Evil 4

ตัวละครตบทีเดียวตาย

Resident Evil 3

ถ้าทั้งหมดที่กล่าวมายังไม่ถูกใจพอ เกม ‘Resident Evil’ ก็พร้อมจะเอาทุกอย่างที่คุณกลัวมายำรวมกัน เพื่อให้คุณหลอนกดดันที่สุดกับตัวละครที่สามารถฆ่าคนได้ในการโจมตีแค่ครั้งเดียว ซึ่งเกมจะไม่สนใจเลยว่าคุณจะเหลือพลังชีวิตสีอะไรมากขึ้นไหน แต่ถ้าคุณพลาดถูกมันจับได้หรืออยู่ในระยะที่มันต้องการคุณจะตายในการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นมือเลื่อยใน ‘Resident Evil 4’ ที่ถ้ามันเข้ามาในระยะที่เกมกำหนดคุณเตรียมตัวตาย หรือจะเป็นตัวใหม่ ๆ หน่อยอย่าง Hunter γ ที่มันจะกินคุณทั้งตัวถ้าคุณไม่หนีหรือยิงมันให้ตาย หรือจะเป็น ‘Resident Evil’ ภาคแรกกับฮันเตอร์ตัวปกติที่ถ้าอยู่ถูกที่ถูกเวลา มันก็สามารถตัดคอเราในการโจมตีครั้งเดียวได้ และในบางครั้งพวกนี้ก็จะมาในรูปแบบของตัวละครที่ฆ่าไม่ตายบ้างหรือมีจุดอ่อนที่ต้องยิงให้โดนไม่งั้นจะฆ่าไม่ตาย ไปจนถึงบางตัวที่ตายยากซึ่งมันกว่าจะฆ่ามันได้คุณต้องวิ่งหนีทิ้งระยะห่างเพื่อโจมตี ซึ่งถ้ามันมาตัวเดียวก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้ามันมาพร้อมกันหลายตัวแล้วยังเป็นที่แคบอีกคุณคงต้องตั้งสติให้ดี เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะตายแล้วมาเจอมันใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน แค่คิดก็สยองแล้วสำหรับบางคนที่กลัว ซึ่งนั่นคือสิ่งที่นักพัฒนาคิดมาแล้วเพื่อคนเล่น

Resident Evil 3-4

ความพยายามเปลี่ยนแปลงไม่หยุดอยู่กับที่

Resident Evil

ปิดท้ายกับความน่ากลัวสยองขวัญที่เกม ‘Resident Evil’ จัดมาให้คนเล่นรู้สึกกลัว นั่นคือความพยายามของทีมงานที่ไม่คิดจะย่ำอยู่กับที่ในความสำเร็จเดิม ๆ แต่ยังคงพยายามค้นหาแนวทางใหม่ ๆ เพื่อคนเล่นเกม เพราะตั้งแต่ที่เรารู้จักเกม ‘Resident Evil’ มา เราได้เห็นเกมซีรีส์นี้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนจากแนวสยองขวัญในเกม ‘Resident Evil 1’ ถึง 3 มาเปลี่ยนเป็นแอ็กชัน สยองขวัญในภาค 4 ถึง 6 ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นแนวสยองขวัญมุมมองบุคคลที่ 1 ในภาคที่ 7 นี่ยังไม่นับเกมภาคแยกที่เปลี่ยนตัวเองไปเป็นเกมแนวต่าง ๆ อีกมากมายที่มีทั้งดีบ้างแย่บ้าง แต่นั่นก็ทำให้เราเห็นถึงความใส่ใจของทีมงานที่ต้องการให้แฟน ๆ คนเล่นเกมได้รับความสนุก(ที่แม้บางเกมจะไม่สนุกจนคิดว่าทำมาทำไมก็ตาม) และนับต่อไปจากนี้เราก็คงจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ที่เป็นความสยองขวัญมาให้เราผู้เล่นอีกมากมายอย่างแน่นอน

Resident Evil

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องราวความกลัวที่เกม ‘Resident Evil’ จัดมาให้คนเล่น ซึ่งใครที่เป็นแฟนเกมซีรีส์นี้มาตลอดจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลง และความน่ากลัวที่ทางทีมพัฒนาใส่ใจเอามาหลอกหลอนผู้เล่น ที่ในบางภาคนั้นอาจจะมีการหลงทิศจับทางไม่ถูกบ้าง แต่สุดท้ายตัวเกม ‘Resident Evil’ ก็กลับมาสู่เส้นทางที่มันควรเป็นได้อย่างภาคภูมิ และเราก็หวังว่านับจากนี้ตัวเกมจะไม่หลงทิศและทำสิ่งที่พยายามสร้างมาเสียไปอีกครั้ง ซึ่งคงต้องรอดูกันต่อไปกันอีกยาวนับจากนี้ และถ้าใครสนใจเรื่องราวของเกม ‘Resident Evil’ อีก ก็ไปติดตามอ่านกันได้ใน Beartai เรามีเรื่องราวเกี่ยวกับเกมนี้อีกมากมายให้คุณได้อ่าน ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส