นาทีนี้คงไม่มีเกมแนวแบทเทิลรอยับใดจะเหนือไปกว่า Apex Legends อันเป็นผลงานล่าสุดจากอดีตทีมผู้สร้างซีรีส์แนวยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่ซ้ำยังพร้อมขับหุ่นซัดกันนัวร์ Titanfall อย่าง Respawn Entertainment ที่โคตะระมาแรงแซงเจ้าอื่นไปโดยไม่ยากเย็นนัก เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเพราะเหตุผลใดจึงเป็นเช่นนั้น!?


1. เกมเพลย์ไวและโลดโผน!

ภาพจากบทความรีวิวเกม Apex Legends https://www.beartai.com/review/games/309785

Apex Legends คือเกมที่มีจังหวะการเล่น (Game Pacing) กระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว และว่องไวกว่าแบทเทิลรอยัลเจ้าอื่นในตลาด และอาจกล่าวได้ว่ามันคือจุดที่เห็นเด่นชัดที่สุดของเกมเลยล่ะ ไม่ว่าจะทั้ง การสไลด์ที่เป็นได้ทั้งการเคลื่อนอย่างรวดเร็วและการหลบหลีกการโจมตีของศัตรู, ไม่ได้รับความเสียหายจากการตกจากที่สูง ซึ่งส่งผลให้การเคลื่อนที่ไปยังบริเวณเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว (แต่จะราบรื่นไหมก็อีกเรื่องนะ), วิธีกระสุนที่แม้จะเป็นแบบ Bullet Traveling (หรือถ้าเข้าใจโดยทั่วถึงเลยคือ Bullet Drop นั่นแหล่ะ) แต่ก็ไม่ได้ยากเกินควบคุมหรือง่ายจนไม่ต้องเรียนรู้อะไร ฯลฯ

2. มีโอกาสแก้ตัว

“การแพ้ทั้งที่ยังไม่ได้สู้ คือสิ่งที่น่าเจ็บปวดใจ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในเกมแนวแบทเทิลรอยัล ซึ่งจริงอยู่ที่ใครหลายคนอาจจะมองว่ามันคืออรรถรสของการเอาตัวรอด แต่ในมุมมองของคนที่ต้องโดนหมัดกระแทกหน้า ลวนลามทางวาจาผ่านไมโครโฟน ไปจนถึงต่อตัวเป็นมนุษย์ตะขาบในห้องลอบบี้เพื่อรอให้คนครบและเข้าเกม มันเป็นอะไรที่เสียเวลาและชวนให้เบื่อหน่ายเอามาก ๆ

Apex Legends เลยแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้อย่างตรงจุดด้วยการที่ตัวเกมจะมอบโอกาสแก้ตัวให้ผู้เล่นบนสมรภูมิรบ ให้กลับมาโลดแล่นพร้อมอัดระสุนใส่คนอื่นได้อีกครั้งด้วยการที่เพื่อนในทีมต้องสแกนศพของเราไปยัง Respawn Beacon (หรือง่าย ๆ ก็คือจุดเกิดนั่นแหล่ะ) และ Knockdown Shield หรือโล่ช่วยป้องกันการโจมตีหลังติดสถานะดาวน์ที่หากเป็นอุปกรณ์ระดับ Legendary ก็ยังจะสามารถชุบชีวิตผู้เล่นได้อีกด้วย

3. หลากตัวละครที่มีสกิลต่างกันออกไป

นอกเหนือจากจังหวะของเกมที่รวดเร็วแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ Apex Legends สามารถนำเข้ามาใส่ในเกมและทำให้ผลลัพธ์ออกมามีรสชาติที่แปลกใหม่ คือการใส่ระบบสกิลให้ตัวละครทุกตัวมีวิธีการเล่นที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ในทุกรอบการเล่นจะเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ไม่น่าเบื่อไปและยังคงสดใหม่อยู่เสมอ บางตัวละครอาจมีความสามารถในการเป็นแนวหน้าเปิดทางให้เพื่อนในทีม อีกตัวละครหนึ่งจะเน้นหนักไปทางความสามารถลาดตระเวนศัตรูรอบข้าง หรือในขณะที่อีกตัวจะมีความสามารถในการพยุงพลังชีวิตเพื่อนฝูงได้เป็นหลัก เป็นต้น

4. เล่นเป็นทีม!

สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว การมีอยู่ของสกิลตัวละครในเกมนี้ไม่ได้ถูกใส่เข้ามาเพื่อความสนุกที่แตกต่างออกไปเท่านั้น หากแต่มันยังเป็นตัวแทนของการเชื่อมความสามัคคีในทีมของเราอีกด้วย เพราะ Apex Legends คือเกมแนวแบทเทิลรอยัลที่ “เล่นเป็นทีม 3 คนเท่านั้น” ซึ่งพวกคุณจะต้องแบกรับแบกหามและช่วยเหลือกันเพื่อเป็นที่หนึ่งให้จงได้ ยิงสนับสนุน, แลกเปลี่ยนและมอบไอเทมให้เพื่อนที่ยังไม่พร้อมจะสู้ ไปจนถึงช่วยชีวิตเพื่อนที่เสียท่าเพื่อให้เขากลับมากุมอันดับหนึ่งไปพร้อมกับเรา 

5. ระบบสื่อสารเพื่อนในทีมที่ยอดเยี่ยมจนแทบไม่ต้องใช้ไมโครโฟน

จุดเกิดอยู่ตรงนั้นนะเพื่อน ๆ

การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในเกมหลายผู้เล่น (Multiplayer) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกมแนวแบทเทิลรอยัล “ที่ทุกนาทีกำหนดความเป็นความตาย” ซึ่ง Apex Legends เองก็รับรู้ถึงการสื่อสารที่ควรจะรวดเร็วนี้เป็นอย่างดี พวกเขาจึงได้พัฒนาระบบ Ping หรือการปักหมุกเตือนทุกสรรพสิ่งในฉากการเล่นได้ออกมาอย่างยอดเยี่ยมจากการกดเพียงไม่กี่ปุ่ม

6. เล่นฟรีและไม่มีไอเทมเติมเงินเสียสมดุลเกม!

ใคร ๆ ก็ต้องชอบของฟรีกันทั้งนั้น! แต่แน่นอนว่าผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายเขาไม่ได้อิ่มทิพย์หรือกินอากาศธาตุประทังชีวิตกัน การมีอยู่ของระบบเติมเงินหรือชื่อหรู ๆ อย่าง Microtransaction จึงจำต้องมีอยู่ในเกม แต่กระนั้น  Apex Legends กลับทำในส่วนนี้ออกมาได้แฟร์กับผู้เล่นเอามาก ๆ ด้วยการทำให้ไอเทมเสริมเพิ่มเติมที่มาจากตัวเงินจริงทั้งหลายเป็นเพียงไอเทมเชิงความสวยความงาม (Cosmetics) การเสิยเงินให้กับเกมนี้จึงเป็นเรื่องของความพึงพอใจล้วน ๆ ไม่ได้มีสิ่งใดมากดดัน หรือรู้สึกถูกเอาเปรียบจากไอเทมที่เสียเงินจริง

แต่สำหรับใครที่อยากรู้ข้อมูลของเกมนี้อย่างละเอียดยิบแล้วล่ะก็สามารถเข้าไปดูรีวิว Apex Legends จากทางแบไต๋ของเราได้เลยครับผม!