หลังจากนินเทนโดสร้างความประหลาดใจด้วยการเปิดตัว Nintendo Switch OLED แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย และไม่เปิดตัวในงาน E3 2021 หรืองาน Nintendo Direct ของปู่นินเอง อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงโมเดลอัปเกรดหน้าจอเป็น OLED เท่านั้นถือว่าสร้างความผิดหวังมาก เพราะข่าวลือก่อนหน้านี้ระบุว่ามันจะเพิ่มสเปกเครื่องด้วย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เพิ่มมาก็มีพอสมควรแม้จะไม่มากมาย โดยทางทีมงาน Beartai ได้รวบรวมข้อมูล และลองวิเคราะห์ดูว่าเครื่องเกม Nintendo Switch โมเดลเพิ่มหน้าจอเป็นแบบ OLED น่าสนใจหรือไม่ และหากคุณเป็นเจ้าของ Switch อยู่แล้วมันจะคุ้มค่าหรือไม่ที่จะเสียเงินเพิ่มอีก 50 เหรียญ หรือประมาณ 1,600 บาท ที่เพิ่มเข้ามาจากรุ่นเดิม ส่วนคนที่ยังไม่มีเครื่อง Switch ก็คงไม่ต้องบอกเพราะแนะนำว่าซื้อรุ่น OLED เลยน่าจะดีกว่า ไปดูกันว่าการเพิ่มสเปกเล็กน้อยครั้งนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง

อัปเกรดอะไรบ้าง หน้าจอ OLED จำเป็นหรือไม่

จุดเด่นหลักของ Nintendo Switch OLED โมเดลใหม่ตามชื่อก็คือหน้าจอที่เปลี่ยนจาก LCD มาเป็น OLED และยังเพิ่มขนาดจาก 6.2 นิ้ว เปลี่ยนมาเป็นหน้าจอขนาด 7 นิ้ว และข้อดีคือขนาดของเครื่องเกมแทบเหมือนเดิม (ต่างกันที่ด้านยาวรุ่นเดิม 9.4 นิ้ว ส่วนรุ่น OLED อยู่ที่ 9.5 นิ้ว) แต่หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเกิดจากการลดขอบของหน้าจอเดิมลง ทำให้ได้จอใหญ่แต่ยังพกพาได้สะดวกเหมือนเดิมไม่ต้องกังวลว่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และข้อดีคือเมื่อจอใหญ่ทำให้แฟนเกมที่ชอบเล่นโหมดพกพาสามารถสนุกไปกับการเล่นได้ดีขึ้น เพราะจอใหญ่ขึ้นอยู่แล้ว แต่มันไม่ได้มีแค่นี้เพราะหน้าจอแบบใหม่เพิ่มความสะดวกมากกว่าที่คิดแน่

เพราะความดีงามของหน้าจอแบบ OLED คือการแสดงผลได้ดีกว่าเดิมเพราะจอแบบนี้สามารถแสดงสีดำได้คมชัดและดำสนิทกว่าไม่มีแสงสีขาวออกมาให้กวนตาเพราะไม่มี Backlight แต่ละเม็ดสีสามารถเปล่งแสงได้เอง รวมทั้งสีสันก็ทำได้สดกว่าจอแบบ LCD นอกจากนี้ตามสเปกแล้วจอ OLED จะกินไฟน้อยกว่าทำให้คาดว่า Switch รุ่นนี้จะประหยัดแบตมากกว่ารุ่นเดิม นอกจากนี้การแสดงผลจะสามารถมองได้หลายมุมมองโดยยังสามารถมองได้คมชัดเหมือนเดิม

ตรงจุดนี้หากมองว่าเล่นแบบพกพาปรกติอาจจะไม่เห็นประโยชน์มากนักเพราะส่วนใหญ่การเล่นพกพาจะมองตรง ๆ อยู่แล้ว แต่ประโยชน์ของการแสดงผลได้คมชัดในหลายมุมจะเกิดขึ้นเมื่อเล่นในโหมดแท็บเล็ตจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนกว่าเพราะการเล่นจะอยู่ในระยะห่างกว่า และเมื่อเล่นกับเพื่อนจะสามารถมองได้คมชัดในหลากมุมมองมากกว่า นอกจากนี้หากเราเล่นกลางแจ้งหรือที่มีแสงสว่างจากภายนอกมากหน้าจอแบบ OLED จะสู้แสงได้ดีกว่า อย่างไรก็ตามหน้าจอนี้เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้นต้องรอให้ของจริงออกวางขายก่อนถึงจะบอกได้ว่ามันต่างกันมากน้อยแค่ไหน

สิ่งที่เพิ่มมานอกจากหน้าจอ

นอกจากนี้ส่วนที่เพิ่มเติมนอกจากหน้าจอ OLED คือความจุของเครื่องที่เพิ่มเติมจาก 32GB เป็น 64GB ที่อาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์มากนักเพราะเป็นที่รู้กันว่าหากซื้อ Nintendo Switch ก็ต้องซื้อ Micro SD มาเพิ่มอยู่แล้วอีกทั้งราคาของความจุเสริมทุกวันนี้มีราคาถูกมาก ๆ ทำให้มันไม่ใช่ประเด็นที่น่าสนใจนัก แต่ความดีงามของ Switch OLED คือขาตั้งของเครื่องที่เปลี่ยนจากแท่งพลาสติกเล็ก ๆ ด้านหลังเครื่องที่ดูไม่แข็งแรงและหักง่าย

โดยเปลี่ยนมาเป็นแผ่นที่มีขนาดใหญ่แบบเดียวกับ Microsoft Surface และยังปรับระดับเมื่อวางตั้งกับพื้นได้หลายระดับด้วยอันนี้ถือว่าสอบผ่านและได้ใช้งานแน่ อีกส่วนที่น่าประทับใจคือลำโพงของ Switch OLED ที่ปู่นินระบุว่าได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นแต่ก็อย่างที่บอกไปว่าต้องรอให้ของจริงออกมาก่อนถึงจะบอกได้ว่าดีขึ้นแค่ไหน และอีกส่วนที่น่าสนใจคือ DOCK ที่มากับเครื่องจะรองรับสาย LAN ถือว่าเป็นสิ่งที่คอเกมอยากให้มีมานานแล้ว (แต่จริงๆ รุ่นเดิมก็สามารถซื้อหัวแปลงจาก USB มาเป็นพอร์ต LAN เพื่อใช้ได้เหมือนกันนะ)

ข้อเสียของ Nintendo Switch OLED

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าผิดหวังอย่างมากคือความละเอียดของหน้าจอ Nintendo Switch OLED รุ่นอัปเกรดที่ยังคงเป็น 720p หรือ HD เท่าเดิมไม่ได้เพิ่มให้เป็น Full HD ตามสมัยนิยม ทำให้ใครที่อยากเห็นความคมชัดที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเมื่อเล่นโหมดพกพาต้องผิดหวังแน่ และด้วยขนาดหน้าจอที่เพิ่มขึ้นเป็น 7 นิ้วทำให้ความจริงแล้วควรจะเพิ่มความละเอียดสักหน่อยก็ยังดี และยุคนี้แล้วไม่น่าเชื่อว่าจะมีหน้าจอความละเอียดแค่ HD ออกมาวางขายอีก ซึ่งหากใครเป็นเจ้าของ Switch รุ่นเดิมจะพบปัญหาว่าในบางเกมมีความละเอียดในโหมดพกพาที่ต่ำลงจนดูแย่มาก บางทีการอัปเกรดความละเอียดหน้าจออาจจะทำให้มันดูดีขึ้นแต่เสียดายที่มันไม่มี

นอกจากนี้นินเทนโดได้ยืนยันอย่างเป็นทางการว่าสเปกภายในของ Nintendo Switch OLED จะเหมือนกับรุ่นเดิมทุกประการที่ยังคงใช้ชิป Nvidia Tegra X1 แบบปรับแต่งเอง นอกจากนี้แรมของ Switch OLED ยังมีแค่ 4 GB เท่าเดิม โดยเป็นการยืนยันจากสื่อใหญ่อย่าง The Verge ที่ปู่นินได้บอกเองทำให้ดับฝันแฟน ๆ ทั่วโลกที่อยากเห็นภาพบน Switch สวยขึ้นหรือรองรับ 4K ต้องผิดหวังแน่นอน เพราะมันเหมือนเดิมและนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าจอ OLED มีความละเอียดแค่ 720p เพราะยังใช้ CPU ตัวเดิมนี่เอง

และความแย่สุด ๆ ที่ทำให้แฟนนินเทนโดต้องผิดหวังสุด ๆ คือปู่นินได้ออกมายืนยันนอนยันว่า Joy-con ของ Nintendo Switch OLED โมเดลนั้นยังคงเป็นตัวเดิมกับรุ่นปรกติไม่ได้อัปเกรดใหม่ และไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหา Joy-con drift แม้ว่าในช่วงหลังปัญหาของ Joy-con จะลดลงเพราะนินเทนโดได้ปรับเปลี่ยนผู้ผลิตใหม่แล้ว แต่ก็เป็นการยืนยันว่าจอยเกมบน Switch OLED จะคือรุ่นเดิมไม่เปลี่ยนดังนั้นสามารถใช้กับ Switch ตัวเดิมได้หากคุณอยากได้ Joy-con สีขาว แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่ามันจะไม่พบปัญหาอีกดังนั้นหากหวังว่าจะไม่พบเจอกับอาการ Joy-con drift ก็ไม่ต้องซื้อเพราะมันคือรุ่นเดิม

คุ้มหรือไม่ที่จะอัปเกรด

แน่นอนต้องมีคำถามว่าในเมื่อมันไม่ใช่รุ่น Pro และไม่รองรับภาพความละเอียดระดับ 4K แฟนปู่นินควรจะเสียเงินให้กับ Nintendo Switch OLED โมเดลหรือไม่ คำตอบก็ขึ้นอยู่กับคุณ ถ้าหากเป็นสายเก็บสะสมต้องมีครบหรือเป็นแฟนตัวจริงก็ต้องยอมเสียเงินอยู่แล้ว แต่หากไม่และคุณเป็นเจ้าของ Switch รุ่นเดิมอยู่แล้วก็ต้องถามต่ออีกหนึ่งคำถามว่า คุณเล่นในโหมดพกพาบ่อยแค่ไหนเพราะ Switch OLED มีจุดเด่นในการพกพามากกว่า เพราะหน้าจอแสดงผลสีได้ดีกว่าเดิม

แต่หากเป็นสายที่ต่อทีวีมากกว่าก็บอกเลยว่าไม่คุ้มค่าเพราะแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลยนอกจากต่อสาย LAN ได้เท่านั้น เก็บเงินไว้รอ Switch รุ่นใหม่จริง ๆ ที่คงอีกนานกว่าจะมีน่าจะดีกว่าในสภาวะที่เงินทองหายากแบบนี้ และราคาในไทยคาดว่าจะสูงกว่าที่เปิดตัวในต่างประเทศพอสมควรโดยเฉพาะตอนที่วางขายใหม่ ๆ ดังนั้นหากไม่แคร์เรื่องจอแนะนำซื้อรุ่นเดิมน่าจะดีกว่า โดย Nintendo Switch OLED จะวางขายวันที่ 8 ตุลาคม 2021 ในราคา 349.99 เหรียญ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส