ทางแบไต๋ได้รับเชิญให้ไปร่วมทริปบุก HUAWEI ถึงประเทศจีน ! และได้ไปบุก HUAWEI Flagship Store ในเมืองเซิ่นเจิ้น, แบนเทียน (Shenzhen, Bantian) ใน HUAWEI HQ อีกที และ 1 ใน Product ที่เหล่าแฟน ๆ กำลังตั้งตารอมากที่สุด เห็นจะเป็น HUAWEI P60 Series ที่กำลังจะมาเปิดตัวในประเทศไทยนี่แหละ ! แบไต๋เราขอจับแล้วมาเล่ากับความรู้สึกหลังได้จับ HUAWEI P60 Series นี้เล่นกัน !

HUAWEI P60 Pro

ขอเริ่มกันด้วยรุ่นที่มีโอกาสเข้าไทยมากที่สุด ด้วยภาพโปรโมตในเพจเฟซบุ๊กของ Huawei ในไทยแล้ว กับ HUAWEI P60 Pro กันก่อน โดยสเปกตัวเครื่องคร่าว ๆ ของ HUAWEI P60 Pro นั้น จะใช้ CPU เป็น Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 (ที่รองรับแค่ 4G), กล้องถ่ายภาพ 3 ตัว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล สามารถปรับรูรับแสงได้ (f/1.4 – 4.0) แบบ RYYB, กล้อง Periscope ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (f/2.1) 3.5x optical zoom /200x Digital zoom และกล้องเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (f/2.2)

และเรื่องกล้องถ่ายภาพของเขานี่แหละที่เน้นเป็นพิเศษ กล้องถ่ายภาพหลักครั้งนี้เปลี่ยนไปใช้กล้องที่เรียกว่าเป็น Ultra-Lighting Camera ที่ยังคงสามารถปรับ f/ ได้เหมือนเดิมกับใน Mate50 Pro ที่นำมาวางจำหน่ายในไทยเลย แต่ที่พิเศษกว่าในรุ่นที่แล้วก็คือเลนส์ถ่ายภาพซูมที่ HUAWEI เขาบอกว่าใช้เป็นกล้อง Telephoto แบบ Ultra Lighting (แบบเดียวกับในกล้องถ่ายภาพหลักนั่นเอง) ซึ่งสามารถรับแสงได้มากขึ้นด้วยเลนส์แบบเลนส์นูน ซึ่งจะทำให้รับแสงได้มากขึ้นทั้งในขาเข้าและขาออกนั่นเอง ซึ่งเลนส์หลักและเลนส์ซูมแบบใหม่นี่แหละ ที่ทำให้ HUAWEI P60 Pro นี้สามารถซูมได้สูงสุดถึง 200 เท่า !

ในครั้งนี้ HUAWEI ได้เน้นย้ำเรื่องของการใช้ XMAGE ซึ่งเป็นเหมือนชื่อเรียกซอฟต์แวร์ในการประมวลผลภาพถ่ายของสมาร์ตโฟนเรือธงของ HUAWEI มาตั้งแต่ Mate50 Pro เป็นต้นมา ถึงกับเอาคำว่า XMAGE มาติดไว้ที่บริเวณกรอบของกล้องเลยทีเดียว !

ส่วนตัวอย่างภาพถ่ายนั้น ถึงเวลารีวิวจริงแล้ว แบไต๋จะเอาภาพมาให้ทุกคนได้ดูกัน !

ซึ่งสัมผัสแรกหลังจากได้จับเครื่องจริงนั้น ความรู้สึกในการจับถือนั้นทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ดีไซน์ตัวเลนส์กล้องทำมาได้น่าสนใจ ข้อมูลที่ได้รับมาจากทาง HUAWEI ที่จีนมาก็คือ ตัวกล้องนั้นมีดีไซน์ที่ล้อไปกับกล้องถ่ายภาพ (เมื่อวางแบบแนวนอน) ตามดีไซน์ที่ให้ชื่อว่า ‘The Eye of Light’ ทำให้เลนส์กล้องหลักที่อยู่ตรงกลางให้ฟีลลิ่งเหมือนกล้องถ่ายภาพอยู่เหมือนกัน แต่ต้องวางแนวนอนนะ

ภาพเปรียบเทียบระหว่าง HUAWEI P60 Pro ทั้ง 4 สี (Green, Black, Violet, Rococo Pearl ตามลำดับ)

ส่วนเรื่องสีนั้น ที่ประเทศจีนมีวางจำหน่ายถึง 4 สีด้วยกัน เป็นสี Black, Green, Violet และ Rococo Pearl ซึ่งสีที่ผู้เขียนชอบมาก ๆ สีหนึ่งคือสีขาว Rococo Pearl ซึ่งเป็นสีขาวที่แตกต่างจากสีอื่น ๆ คือตัวลายภายในที่ทำสีออกมาโดยใช้ลักษณะของการทำลายฝาหลังให้เป็นลายเหมือนกับไข่มุกที่แตกออกมา แล้วค่อยครอบปิดด้วยกระจกอีกชั้นหนึ่ง ทำให้ลายไข่มุกที่อยู่ด้านในเป็นลายที่สร้างขึ้นใหม่ในทุก ๆ เครื่อง และทำให้ลายของฝาหลังไม่เหมือนกันเลยในทุกเครื่อง ซึ่งทำให้สีนี้เป็นสีที่พิเศษมากจริง ๆ โดยจะมีสีเขียวเท่านั้นที่เป็นกระจกแบบใส อีก 3 สีที่เหลือเป็นกระจกขัดด้านทั้งสิ้น (รวมสี Rococo Pearl ด้วยนะ)

ทั้ง P60 และ P60 Pro ก็มีสีขาว Rococo Pearl ให้เลือกนะ ลองกดซูมภาพดูจะเห็นเลยว่าลายไม่เหมือนกันจริง ๆ !

และในจอด้านหน้าที่ได้ใช้กระจกด้านนอกเป็น ‘Kunlun Glass’ นั้น โดยส่วนตัวที่ได้ลองจับมานั้น ยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งของตัวกระจกมากนัก การจะทดสอบเรื่องนี้อาจจะต้องเอาเครื่องมาทุบเกาลัดดูแบบตอน Mate50 Pro KUNLUN Glass Edition แต่ผู้เขียนว่าพนักงานที่ร้านคงไม่ให้เราทำแน่ ๆ (ฮา) นอกจากจะกันตกแตกแล้ว HUAWEI P60 Pro ยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 ด้วยนะ !

หน้าจอของ HUAWEI P60 Pro ก็ให้มาจัดเต็มไม่แพ้กัน ด้วยจอขนาด 6.67 นิ้ว OLED LTPO (1-120 Hz) กับแบตเตอรี่ที่ 4,815 มิลลิแอมป์ กับระบบชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge สูงถึง 88W, ไร้สายสูงสุด 50W (และยังแถมอะแดปเตอร์​ชาร์จมาให้ในกล่องด้วยนะ !)

ราคาวางจำหน่ายที่จีนตอนนี้อยู่ที่ความจุ 256GB ราคา 6,988 Yuan (ประมาณ 34,700 บาท) และ
512GB ในราคา 7,988 Yuan (ประมาณ 39,700 บาท) น่าเสียดายที่ตอนนี้ทางแบไต๋ยังไม่ได้ทราบราคาวางจำหน่ายในไทย แต่ถ้าประกาศแล้วจะนำมาแจ้งให้ทุกคนได้ทราบกันแน่นอน !

HUAWEI P60

HUAWEI P60 เป็นเหมือนรุ่นน้องของ HUAWEI P60 Pro เลยก็ว่าได้ ต้องบอกว่าเทรนด์การออกแบบสมาร์ตโฟนของ HUAWEI ที่จะทำรุ่นพี่กับรุ่นน้องหน้าตาออกมาคล้ายกันมาก ๆ นั้นทำมาหลายรุ่นมาก ๆ แล้ว เช่นใน HUAWEI P50 และ P50 Pro ที่มีหน้าตาที่เหมือนกันมาก

แต่ใน P60 กับ P60 Pro นั้นถือว่าเหมือนกันมากยิ่งกว่าเดิมซะอีก ! ด้วยขนาดหน้าจอที่ให้มาเท่ากันเป๊ะ ๆ กับ P60 Pro ที่ 6.67 นิ้ว ทำให้ขนาดเครื่องเท่ากันเป๊ะ ๆ อีกต่างหาก ผู้เขียนเองในตอนแรกก็แยกแทบไม่ออกเลยเหมือนกันว่ารุ่นไหนคือรุ่นไหนกันแน่ ! ถ้าเราวางไว้ให้เห็นแค่ฝาหลังของเครื่องของทั้ง 2 รุ่นเท่านั้น คือแยกแทบไม่ออกแน่นอน ลองดูรูปแล้วทายกันดูว่ารุ่นไหนคือ P60 และรุ่นไหนคือ P60 Pro

รูปไหนคือ P60 รูปไหนคือ P60 Pro กันนะ ?

อย่างเดียวที่ทำให้เราดูออกว่ารุ่นไหนคือรุ่นไหนให้ชัดเจน คือบริเวณกล้องถ่ายภาพรอง ทั้งกล้องเลนส์มุมกว้างมาก และกล้องถ่ายภาพซูมแบบ Periscope ที่ให้ความละเอียดลดลงมาเหลือแค่ 12 ล้านพิกเซล (f/2.4) ที่มี ‘กรอบด้านนอก’ ของเลนส์ที่เป็นสี่เหลี่ยมมุมมน ในรุ่น P60 Pro จะมีกรอบเป็นรูปวงกลมมากกว่า เท่านั้นเลย ซึ่งผู้เขียนบอกเลยว่าดูออกยากมากจริง ๆ

แต่ข้อดีของการที่มีดีไซน์ที่คล้ายกันมาก ๆ ก็คือ ความรู้สึกในการจับถือที่เหมือนกันทั้งในรุ่นธรรมดา และในรุ่น Pro ที่รู้สึกได้ถึงงานประกอบที่แน่น และดูดีเหมือน ๆ กัน แถมยังมีสี Rococo Pearl ที่มีลายสีที่ไม่เหมือนกันเลยในแต่ละเครื่องอีกด้วยนะ !

แม้สเปกหน้าจอของ P60 จะเท่ากับ P60 Pro เป๊ะ ๆ ก็ตาม แต่อีกอย่างที่แตกต่างคือด้านในของตัวเครื่อง ที่จะให้ระบชาร์จเร็วมาแค่ HUAWEI SuperCharge 66W เท่านั้น (ถือว่าเยอะแล้วนะ) แต่ให้แบตเตอร์รี่มี 4,815 mAh เท่ารุ่นพี่ และยังชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายได้สูงสุด 50W เท่าเดิมด้วย

แต่น่าเสียดายที่ HUAWEI P60 รุ่นธรรมดายังไม่เข้าไทย ไม่แน่นะ อาจจะเข้ามาในภายหลังแบบตอน P50 ก็ได้ !

HUAWEI P60 Art

รุ่นสุดท้ายที่เปิดตัวมาพร้อมกันนี้ก็คือเรือธงเบอร์สุดของเขาเลยก็ว่าได้ กับ HUAWEI P60 Art มาพร้อมกับดีไซน์ที่จะบอกว่าคล้ายก็ไม่ใช่ ต่างเลยก็ไม่เชิง ด้วยการวางกล้องคล้าย ๆ กับกล้องถ่ายภาพอยู่ เพียงแต่ได้มีการปรับกรอบของเลนส์กล้องใหม่ทั้งหมดเลย โดยให้ตัวเครื่องออกมาดูหรูหรามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ใน P60, P60 Pro มีกรอบของกล้องแบบเหลี่ยมเล็กน้อย ในขณะที่ P60 Art นั้นมาพร้อมกับกรอบแบบโค้งมน (จนคนแซวว่าเหมือนโคอาล่านั่นแหละ)

ตัวกล้องถ่ายภาพเองก็ให้มาจัดเต็มเหมือนกันนะ เพราะนอกจากจะให้กล้องถ่ายภาพหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล สามารถปรับรูรับแสงได้ (f/1.4 – 4.0) แบบ RYYB, กล้อง Periscope ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (f/2.1) 3.5x optical zoom /200x Digital zoom แล้ว กล้อง Ultra-Wide ของ P60 Art ก็ไปสุดเหมือนกัน ด้วยกล้องความละเอียด 40 ล้านพิกเซล (f/2.2) น่าเสียดายที่แบไต๋เราไม่ทันได้ลองถ่ายภาพจริงมาให้ทุกคนได้ดูกัน มีเพียงภาพตัวเครื่องให้ดูเท่านั้น

ส่วนสีตัวเครื่องเองก็ทำออกมาได้หรูหรากว่าเช่นกัน ด้วยสองสีที่ชื่อ Azure Blue (สีฟ้าทองฟ้า) และสี Seashore Gold (สีทองชายหาด) ที่ทำลายฝาหลังเครื่องออกมาเหมือนลายผ้าที่มีรอยพับเล็กน้อย ไม่ได้เป็นเพียงสีเงาเรียบ ๆ เท่านั้น ซึ่งด้วยฝาหลังที่ทำออกมาแตกต่างกับทั้ง 3 รุ่นก่อนหน้า พอได้จับเครื่องจริงแล้วจะเห็นชัดเลยว่าเป็นรุ่นที่ทำมาเพื่อเป็นรุ่น ‘เบอร์สุด’ ของเขาจริง ๆ แต่สเปกภายในของ HUAWEI P60 Art นี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับใน P60 Pro มากนัก

นอกจากตัวเครื่องที่ไปสุดแล้ว ราคาของเขาก็ไปสุดเช่นเดียวกัน ด้วยราคาตัวเครื่องความจุ 512GB ที่ 8,988 Yuan (ประมาณ 44,800 บาท) และขนาด 1TB ราคา 10,988 Yuan (ประมาณ 54,800 บาท)

ทั้งนี้ใครที่สนใจในตระกูล P60 Series นี้ อาจจะต้องอดใจรอกันอีกซักแป๊บ เพราะ HUAWEI แจ้งมาว่า P60 Pro จะเข้าไทยในอีกไม่นานนี้แน่นอน !

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส