Metaverse ศัพท์ใหม่ที่เหล่าผู้คนสายเสพเทคฯ จะต้องรู้จักกันได้แล้ว (Metaverse คืออะไร?) หลังจากวันนี้ใน Facebook Connect ทาง Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ‘Meta’ อย่างเป็นทางการ ตอกย้ำว่า ฉันนี่ล่ะเป็นบริษัท Metaverse อย่างแท้ทรู

Metaverse ว่ากันสั้น ๆ มันก็คือโลกเสมือนที่ผู้คนสามารถเข้าไปพบเจอกันได้ ผ่านการแสดงผลแบบ Virtual Reality แบบในภาพยนตร์ Ready Player One ซึ่งเป็นสิ่งที่ Meta กำลังสร้างสรรค์อยู่นั่นเอง (ถึงแม้ปัจจุบันจะมี Metaverse ที่ดูสมบูรณ์กว่า อย่าง VRChat แล้วก็ตาม) โดยแน่นอนว่าการมาของ Meta นั้นสิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญก็คงจะหนีไม่พ้นอุปกรณ์ในการใช้งาน นั่นก็คือแว่น VR นั่นเอง

Facebook หรือ Meta กำลังจะนำเสนอไอเดียการติดต่อกันระหว่างบุคคลรูปแบบใหม่

Facebook หริือ Meta เองเข้าซื้อ Oculus บริษัทพัฒนาแว่น VR ไปเมื่อหลายปีก่อน และแน่นอนว่าตอนนั้น Facebook เล็งที่จะพัฒนาโลก Metaverse อยู่แล้ว และได้เปิดตัวโลกเสมือนอย่าง Facebook Horizon (ที่ปัจจุบันชื่อ Horizon เฉย ๆ ) ไปเมื่อราวปลายปี 2019 เป็นครั้งแรกที่ทำให้คนเริ่มเห็นไอเดียของโลกเสมือนมากขึ้น การติดต่อกันที่ทำให้ได้นั่งคุยกันเหมือนอยู่ติดกันจูบปาก แต่จริง ๆ อาจจะไกลกัน 8,000 ไมล์

Metaverse ยิ่งเป็นไอเดียที่น่าสนใจในการติดต่อกันในโลกที่ต้องเผชิญกับโรคระบาดอย่าง COVID-19 ทำให้ผู้คนกลับเข้ามานั่งออฟฟิศ นั่งทำงานร่วมกันได้แบบใกล้ชิด โดยที่ไม่ต้องใกล้ชิดกันจริง

ราคาถูกลง ปัจจุบันถูกกว่า iPhone SE รุ่นถูกสุดของ Apple อีก

แว่น VR อดีตเคยเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาแพง ต้องใช้คอมพิวเตอร์สเปกสูงในการเล่น เรียกได้ว่ากว่าจะได้เล่นก็ต้องลงเงินไปหลายหมื่นค่อนแสนกว่าจะได้ไปลองประสบการณ์แบบ Virtual Reality แต่รู้หรือไม่ว่าปัจจุบันในต่างประเทศ แว่น VR ที่คุณจะหามาใส่ได้ และเข้าสู่โลก Metaverse ได้เลย มันมีราคาเพียงแค่ 9,900 บาทเท่านั้น นั่นก็คือ Oculus Quest 2 ของ Oculus บริษัทภายใต้ Meta หรือ Facebook นั่นล่ะ

ซึ่งหากดูราคาเครื่องหิ้วในไทยแล้วก็จะอยู่ที่ประมาณ 14,000 บาทไปจนถึงเกือบ 2 หมื่นบาท ซึ่งมันก็เป็นราคาที่ถูกกว่า iPhone 13 Mini อยู่ดี (ถึงจะแพงกว่า SE หน่อยก็เถอะ แต่ราคาเหรียญมันไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ)

ตอนนี้ก็มีกันแทบทุกบ้านแล้วในต่างประเทศ

ผมเองก็เป็นคนนึงที่เรียกตัวเองว่า VR enthusiast หรือพวกที่เสพคอนเทนต์ VR จนชินเป็นปกติไปแล้ว และได้ทดลองประสบการณ์เข้าไป ‘อาศัย’ อยู่ใน Metaverse มาเป็นเวลาหลายเดือน ทำให้พอจะทราบว่าในปัจจุบันเนี่ย ต่างประเทศ พ่อ-แม่ เริ่มซื้อแว่น Oculus Quest ให้ลูก ๆ เล่นกันแทน Tablet / iPad กันแล้ว ทำให้พูดได้ว่าแว่น VR ในปัจจุบันในต่างประเทศเนี่ยมีกันแทบทุกบ้านแล้ว เป็นส่วนที่ทำให้เห็นว่า Facebook คิดถูกมากเรื่องความ Standalone ของ Oculus Quest แถมยังเป็นแว่นที่ออกมาแล้วยิ่งอัปเดตให้เก่ง และเจ๋งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก

ขนาดของแว่นกำลังเล็กลงตามกำลังเทคโนโลยีพัฒนา

แว่น VR เริ่มจากแว่นที่มีจอแสดงผลเฉย ๆ ที่ต้องต่อสายเทอะทะกับคอมพิวเตอร์ กลายเป็นแว่น Standalone ใช้ชิป ARM มือถืออย่าง Oculus Quest ที่เราเห็นในปัจจุบัน ไม่ต้องต่ออะไรเพิ่มเติม ใส่ปั๊บเล่นได้เลย ก็ถือว่ามาไกลมากแล้วในปัจจุบัน ซึ่งในปัจจุบันก็มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ อย่างล่าสุด HTC Vive Flow ที่เพึ่งเปิดตัวไปก็มีขนาดเล็กเอาซะมาก ๆ

ในอนาคตการที่จะได้เห็นแว่น VR ที่มีขนาดราว ๆ ที่เราเห็นในภาพยนตร์ Ready Player One ก็ไม่ไกลแล้วครับ

อนาคตเราจะมีแว่น VR ขนาดเท่าแว่นสายตาทั่วไป ใส่เมื่อไหร่ก็เข้าโลก Metaverse ได้เลย

10 – 20 ปีก่อนผู้คนเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ไม่มี Social Space ให้ใช้ ทางเดียวที่จะติดตาม หรือติดต่ออะไรได้คือทีวี และจดหมาย หรือโทรศัพท์ อีกทศวรรษถัดมา เราสามารถกระดิกนิ้วหนึ่งครั้งเพื่อคุยกับคนที่อยู่ New York ได้ ทั้งที่เราอยู่ประเทศไทย ถือว่าเป็นอะไรที่เร็วมาก เทคโนโลยีของแว่น VR เองก็เป็นอะไรที่โตเร็วมากเช่นกัน

อีกไม่นานเกินรอเราจะได้เห็นอะไรแบบ Google Glasses แต่ประสิทธิภาพแบบแว่น Oculus ขนาดเล็กพกง่าย ซึ่งแน่นอนว่าคอนเซ็ปต์แว่นแบบนี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันพัฒนากันอยู่ ที่น่าสนใจที่สุดตอนนี้ก็คงจะเป็น Microsoft Hololens Gen 2 ที่คุณจะมี Windows XR ให้ใช้ทุกที่บนหน้าของคุณ

Apple, Meta Oculus, HTC หรือแม้กระทั่ง OPPO เองก็กำลังพัฒนาแว่นทำนองนี้อยู่ ทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะได้เห็นเทคโนโลยีแบบนี้กันแน่นอน และมันจะกลายเป็นสิ่งที่สามารถแทนสมาร์ตโฟนในอนาคตอย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน

และมันจะไม่ใช่แค่ VR แต่เป็น XR หรือ Mixed Reality

XR หรือ Mixed Reality นั้นน่าจะเป็นขั้นกว่าของ VR ที่เรารู้จักในปัจจุบัน (ถ้านึกไม่ออกลองไปมอง Microsoft Hololens) ซึ่งเป็นการผสมผสานโลกของ VR เข้ากับโลกของความเป็นจริงด้วย AR หรือ Augmented Reality ทำให้เราสามารถเห็นภาพที่เป็น Visual Graphics ได้ทับซ้อนกับภาพของความเป็นจริง

นึกภาพไม่ออกว่าสุดท้ายแล้วจะออกมาเป็นยังไงก็ลองนึกถึงฉาก Conference ในภาพยนตร์ Kingsmen

ซึ่งในงาน Facebook Connect ทาง Meta ก็ได้ออกมาพูดถึงวิสัยทัศน์ในอนาคตด้วยว่าอยากให้มันออกมาเป็นแบบนี้ กับการที่ผู้คนสวมแค่แว่นที่ดูธรรมดา ๆ แต่สามารถมองเห็น และทำอะไรสักอย่างร่วมกันกับเพื่อน หรือคนรักที่อยู่ห่างออกไปแสนไกลได้เหมือนอยู่ใกล้ชิดกัน

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ต้นยุคของ Metaverse

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส