ปัจจุบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว จึงได้เข้ามามีบทบาทในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเกษตรที่เป็นหัวใจหลักของประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรม มีการทำเกษตรตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นปลูกข้าว ปลูกพืชไร่ พืชสวน ส่งผลให้เกษตรกรต้องเจอกับปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องเงินทุน แรงงานคน และที่สำคัญสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ผลผลิตไม่ได้มาตรฐาน ด้วยบทบาทผู้นำนวัตกรรมเกษตรสยามคูโบต้าจึงได้พัฒนา KAS เกษตรครบวงจร เพื่อช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ และก้าวสู่เกษตรวิถีใหม่ที่คุณออกแบบเองได้ วันนี้แบไต๋จะพามารู้จักกับ KAS นวัตกรรมเกษตรรูปแบบใหม่ จะมีอะไรบ้างติดตามได้ในบทความนี้ได้เลยครับ

KAS คืออะไร?

KAS เกษตรครบวงจร นวัตกรรมเกษตรรูปแบบใหม่จากสยามคูโบต้าที่เชื่อมองค์ความรู้การทำเกษตร เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่แม่นยำและใช้ได้จริง ด้วยการนำกล้องดัชนีค่าความเขียวของใบพืชมาช่วยประเมินความต้องการปุ๋ยให้กับพืช ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพผลผลิต ระบบจัดการฟาร์มศูนย์กลางข้อมูล ช่วยให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบ วิเคราะห์ และสรุปผลปัจจัยการเพาะปลูกในด้านต่าง ๆ ได้ก่อนเริ่มทำการเพาะปลูก ตลอดจน KAS Crop Calendar Application แอปพลิเคชันอรรถประโยชน์ สามารถแจ้งเตือนการเพาะปลูก พยากรณ์อากาศ คำนวณรายรับรายจ่าย แสดงราคารับซื้อผลผลิตเกษตร เพื่อให้เกษตรกรหรือคนที่สนใจทำเกษตรสามารถนำไปปรับใช้ วางแผนแนวทางการทำเกษตรในรูปแบบของตนเอง

กล้องวัดดัชนีค่าความเขียวของใบพืช

เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้เกษตรกรสามารถใส่ปุ๋ยและบำรุงรักษา ได้ตรงตามความต้องการของพืช ผ่านการวิเคราะห์ค่าความเขียวของใบพืช เกษตรกรจะทราบความต้องการของพืชได้อย่างแม่นยำ หากพืชมีค่าความเขียวในระดับสูงก็ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย ช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้

กล้องวัดดัชนีค่าความเขียวของใบพืช จะทำงานร่วมกับโปรแกรมแปลงค่าความเขียว ด้วยลักษณะของเลนส์ช่วยให้สามารถบันทึกภาพได้ระยะกว้างขึ้น โปรแกรมจะแปลงค่าดัชนีความเขียวของใบเขียวเพียงเท่านี้เกษตรกรก็จะทราบว่าควรใส่ปุ๋ยที่บริเวณใดของแปลง แตกต่างจากในอดีตที่ต้องหว่านปุ๋ยให้ทั่วแปลง วิธีใช้งานเกษตรกรเพียงคลิกหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เกิดกรอบสีแดงขึ้นบริเวณที่ต้องการทราบค่า จากภาพนี้อ่านค่าดัชนีความเขียวของใบพืชได้ 38.184 หากเทียบกับค่ามาตรฐาน 30-35 ถือว่าอยู่ในระดับสูง เกษตรกรจึงไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยในบริเวณดังกล่าวพืชได้รับธาตุอาหารตามต้องการ และในปริมาณที่เหมาะสม ตลอดจนช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยอีกด้วย

หมายเหตุ : มาตรฐานค่าความเขียว อยู่ระหว่างขั้นตอนของการทดสอบและปรับตั้งค่า

นอกจากนี้ยังมีการนำระบบการจัดการฟาร์ม (Farm Management System)

นอกจากนี้ยังมีระบบการจัดการฟาร์มเข้ามาช่วย เพื่อให้เกษตรกรสามารถรับมือและลดความเสี่ยงจากปัจจัยการเพาะปลูกได้ดียิ่งขึ้น เกษตรกรจำเป็นต้องทราบข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อนำมาวางแผนและปรับปรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบจัดการฟาร์มจึงเป็นศูนย์กลางที่รวบรวมข้อมูล ที่เกษตรกรสามารถตรวจสอบ วิเคราะห์และสรุปผลปัจจัยการเพาะปลูกในด้านต่าง ๆ ได้

ระบบจัดการฟาร์ม ทำงานร่วมกับ 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้

  • Weather station ประกอบด้วยเซนเซอร์วัด ทิศทางลม ค่าความเร็วลม ค่าความชื้นสัมพัทธ์อากาศ ค่าความเข้มแสง อุณหภูมิอากาศ ค่าปริมาณน้ำฝน
  • Water Level Sensor เซนเซอร์วัดระดับน้ำ เพื่อทราบปริมาณน้ำในบ่อ และวางแผนใช้น้ำให้เพียงพอต่อการเพาะปลูกพืช ตลอดทั้งปี
  • Soil Sensors เซนเซอร์ที่วัดคุณภาพของดิน เช่น ความเป็นกรด-ด่าง ความเค็มของดิน ฯลฯ ช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการปรับปรุงดิน รวมถึงปริมาณการใส่ปุ๋ยให้เหมาะกับดินและความต้องการของพืชอีกด้วย

เทคโนโลยีมีส่วนช่วยให้การทำเกษตรง่าย สะดวก และแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยการผสมผสานระหว่างการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมรวมกับเทคโนโลยี เกษตรกรจึงทำเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากปัจจัยการผลิต จนนำไปสู่การใช้ต้นทุนที่เหมาะสม ผลผลิตมีคุณภาพ รายได้มั่นคง และหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า สยามคูโบต้าหวังว่า KAS จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ และผลักดันการไปสู่เกษตรที่ยั่งยืน

เริ่มต้นเกษตรชีวิตดีได้ที่ https://bit.ly/33JMMCe

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส