ผ่านไปเรียบร้อยสำหรับงานโชว์สุดยอดนวัตกรรมเทคโนโลยียิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ‘Powering Digital Thailand 2022 Huawei Cloud & Connect Asia-Pacific Innovation Day’  เมื่อวันที่ 17-19 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานที่ทาง หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด. ได้ร่วมมือกับ บางกอกโพสต์ และพาร์ตเนอร์อีกกว่า 50 ราย จัดนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดของปี ที่แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ได้ถูกมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตยุค New Normal ของเรา ในขณะที่การระบาดของโควิด-19 ยังไม่หมดไป และการออกไปเจอกันข้างนอกอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับวิถีชีวิตปัจจุบัน สิ่งเดียวที่สามารถทำให้มนุษย์ใกล้ชิดกันได้คือเทคโนโลยี ระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมามนุษย์ปรับตัวกันอย่างรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน หลาย ๆ องค์กรต้อง Work From Home หรือ E-Learning เป็นไปอย่างราบรื่นและไร้รอยต่อจริง ๆ

และแน่นอนในงาน ‘Powering Digital Thailand 2022 Huawei Cloud & Connect Asia-Pacific Innovation Day’ ก็ได้ขนเอาเทคโนโลยีสุดล้ำ มาจัดแสดงเอาไว้มากมาย ซึ่งเทคโนโลยีอย่าง AI, 5G หรือ CLOUD จะเข้ามาเชื่อมต่อการชีวิตของเราให้สะดวกกว่าเดิม สำหรับใครที่ไม่ได้ไปงานวันนี้แบไต๋ขอเก็บไฮไลต์ที่จัดแสดงในงานมาใช้ได้ชมกันติดตามได้ในบทความนี้เลย

ถ้าพูดถึงเทคโนโลยี 5G ก็จะนึกถึงความสามารถของการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วกันใช่ไหม ซึ่งโซนนี้ทางหัวเว่ยได้นำเทคโนโลยี 5G มาทดลองใช้ในภาคธุรกิจและบริการต่าง ๆ 

5G Bullet Time

บูธนี้หัวเว่ยได้นำสมาร์ตโฟนที่มีกล้องถ่ายรูปคุณภาพสูงมากกว่า 18 เครื่องมาล้อมรอบเราไว้ ก่อนจะถ่ายภาพของคุณให้ออกมาในมุมมองที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งเป็นการประมวลผลแบบเรียลไทม์ผ่านระบบเครือข่าย 5G และ Cloud เรียกได้ว่าเป็นการสร้างปรากฏการณ์ และช่วงเวลาพิเศษให้กับคุณ คราวนี้ภาพถ่ายของคุณจะไม่ใช่มุมมองแบบ 2D เหมือนก่อนแล้ว แต่จะเป็นสิ่งที่หัวเว่ยเรียกว่า 3D World หรือโลกแห่ง 3 มิติเลยทีเดียว

Cloud Tractor Training 

ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าถึงหลักสูตรฝึกอบรมรถแทรกเตอร์ ที่เปิดใช้งานผ่านเครือข่าย 5G ที่มีความหน่วงต่ำ และเซิร์ฟเวอร์ที่แสดงผลบนคลาวด์ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ถูกสร้างเพื่อปรับปรุงกระบวนการพัฒนาด้านการเกษตรและเพิ่มประสิทธิภาพของการเพาะปลูก ให้กับเกษตรกรทั้งหลายผ่านนวัตกรรมสุดไฮเทคนี้ 

กำลังมาแรงเลยสำหรับเทคโนโลยี Metaverse ขึ้นชื่อว่าเป็นงานแสดงเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของปีนี้ แน่นอนหัวเว่ยก็ไม่พลาดที่จะนำเสนอเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่จับตามองอย่างมากในตอนนี้ โดยโซน Metaverse  ของหัวเว่ย ก็จะเน้นในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะแสดงการสร้างสภาพแวดล้อมจากโลกแห่งความจริงและเทคโนโลยี หลอมรวมเข้าด้วยกัน จนออกมาเป็น “ชุมชนโลกเสมือนจริง” 

Virtual Human

ก่อนหน้านี้หัวเว่ยได้มีการเปิด Virtual Human ที่ชื่อว่า หยุนเซิง (Yunsheng) ซึ่งเป็นพนักงานเสมือนจริงคนแรกของหัวเว่ย สามารถชวนพูดคุยกันได้แบบเรียลไทม์ โดยบุคคลดิจิทัลเสมือนคนแรกที่หัวเว่ยสร้างขึ้น ถูกพัฒนามาจากการสร้างแบบจำลองอัตโนมัติของ AI รวมถึงการสร้างสรรค์เสียงด้วย AI และการเร่งความเร็วในการเรนเดอร์ด้วย AI เรียกได้ว่าเราสามารถพูดคุย และสื่อสารกับ หยุนเซิง ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เสมือนเพื่อนร่วมงานของเราคนหนึ่งเลยทีเดียว

Cloud VR Game 

ต่อไปนี้เครือข่าย 5G ที่ทำงานร่วมกันกับ Cloud จะมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคุณได้ง่าย ๆ ผ่านเทคโนโลยีจากแว่น VR ซึ่งนอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของเกมแล้ว ยังสามารถจำลองสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ไฟ, ภูเขา หรือแม้แต่จักรวาลให้ออกมาเสมือนจริงสุด ๆ

ในงานนี้ยังมีเทคโนโลยีที่จะช่วยเปลี่ยนโฉมรูปแบบธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของไทยให้มีความอัจฉริยะมากขึ้น อย่างในบูธนี้

PBA Machine Vision Product Line

คือแอปพลิเคชันที่ถูกนำมาใช้ในโซลูชัน โรงงานอัจฉริยะ หรือ smart factory เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้ AI ในการดักจับแทนที่ระบบแบบ manual ซึ่งช่วยให้มีอัตราความแม่นยำเพิ่มขึ้นถึง 90% และลดต้นทุนในการใช้กำลังคนเพื่อตรวจสอบลดลงถึง 70%

Square Kilometre Array

ก่อนหน้านี้การสำรวจกาแลคซีมากกว่า 200,000 แห่งในซีกโลกใต้ ต้องใช้เวลากว่า 169 วัน ผ่านการประมวลผลบนข้อมูลหลายร้อยเพตะไบต์ แต่ในวันนี้กระบวนการดังกล่าวได้สั้นลงอย่างมาก งานนี้ต้องขอบคุณเทคโนโลยี HUAWEI CLOUD EI Cluster  Service ที่ช่วยร่นระยะเวลาประมวลผลลงมา เหลือเพียง 10 วินาที เท่านั้น ซึ่งเคล็ดลับของความเร็วทะลุกาแล็กซีของหัวเว่ยในครั้งนี้ ก็มาจากชิปประมวลผล AI ของหัวเว่ยเอง ที่สามารถประมวลผลได้ 256 ทราฟลอปต่อวินาที

The Pangu AI Model – Wave Forecast

ต่อไปมาในเรื่องของ Huawei Cloud ปีที่แล้วแบไต๋ของเราเคยพามาชม ระบบคอนเฟอเรนซ์ที่เรียกว่า Idea hub+ ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี HUAWEI CLOUD มาพัฒนาเป็นโซลูชันการประชุมทางวิดีโอแห่งอนาคต

แต่ในปีนี้ HUAWEI CLOUD เติบโตอย่างชาญฉลาดมากขึ้นไปอีกกับ  The Pangu AI model – Wave Forecast ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยี COULD AI เข้ามาช่วยในเรื่องของการพยากรณ์อากาศ คลื่นทะเล  โดยระบบ AI จะถูกนำมาใช้ประมวลผลและวิเคราะห์คาดการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าฝนจะตก ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ได้แบบเรียลไทม์สุด ๆ เลยทีเดียว

ModelArts Pro

แพลตฟอร์มที่ทางหัวเว่ยพัฒนาขึ้น เพื่อให้เราทุกคนสามารถพัฒนาระบบ AI ได้เอง โดยคุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่อง AI เลยก็สามารถทำ AI ได้แล้ว

ยกตัวอย่างเช่นอยากจะทำ AI ที่สามารถดักจับขวดน้ำได้ ปกติเราต้องใช้เวลาเขียนโค้ดกันวุ่นวายหลายเดือนหลายปี แต่วันนี้เราเพียงถ่ายรูป 20 กว่ารูป และโยนรูปเหล่านั้นเข้าไปในระบบ เพื่อสอนให้ระบบรู้จักว่านี่คือขวดน้ำนะ ตัวระบบก็จะประมวลผลด้วยอัลกอริทึ่ม Machine learning จนสุดท้ายก็จะได้สมองออกมา ที่บ่งบอกได้ว่า ไอ้เจ้าสิ่งเหล่านี้คือขวดน้ำ 

นับเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับนำมาใช้ทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาปรับใช้ด้านโลจิสติก ในการประเมินเส้นทางการเดินทาง เพื่อลดการ ใช้พลังงานต่าง ๆ

Smart Campus 

เป็นโซลูชันที่ทางหัวเว่ย ได้หัวนำ data ที่เกิดมาจากกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ของผู้คนใน campus นั้น ๆ นำมาวิเคราะห์ต่อยอดเป็นข้อมูล โดยอาศัยเทคโนโลยีอย่าง AI, cloud computing, Iot หรือ Big data เข้ามาช่วยเก็บข้อมูล และเชื่อมต่อกับวิถีชีวิตของผู้คนนั้น ๆ สำหรับใครที่สนใจจะสร้างวิทยาเขตอัจฉริยะแห่งใหม่ ที่ช่วยเสริมในเรื่องของระบบความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่ารอช้ารีบมาติดต่อกับหัวเว่ยเลย

อย่าง Intelligent Operation Center เป็นแพลตฟอร์มที่รันอยู่บน Cloud ของหัวเว่ย โดยเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถควบคุมทุกระบบในตึก หรือนิคมอุสาหกรรมได้ งานนี้คุณสามารถเช็กได้ว่าใช้ไฟไปเท่าไหร่ ปิดเปิดไฟได้ เช็กระบบรักษาความปลอดภัย ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เช็กสัญญาณไฟไหม้ 

ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ งานนี้เราไม่จำเป็นต้องใช้คนเป็นร้อยเพื่อดูแลระบบทั้งหมดอีกต่อไป เพราะแพลตฟอร์มนี้จะทำให้คนคนเดียวสามารถจัดการได้ทุกอย่างผ่าน dashboard

Smart Energy

สำหรับคนที่ชอบรถพลังงานไฟฟ้าอยู่แล้ว ต้องชอบมาก ๆ เพราะหัวเว่ยกำลังพัฒนาพลังงานสะอาดหรือพลังงานไฟฟ้า ถือเป็นการขับเคลื่อนพลังงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

Smart Transportation 

เทคโนโลยีนี้เหมาะกับประเทศไทยอย่างมาก เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องรถติด อันดับต้น ๆ ของโลก บางครั้งปัจจัยที่ทำให้รถติดมาก ๆ คือการที่มีคนขับย้อนซ้อน หรือทำผิดกฎจราจรต่าง ๆ มาวันนี้หัวเว่ยกำลังพัฒนาโซลูชันที่จะช่วยทำให้ชีวิตในการขับขี่ของเราง่ายขึ้น นั่นก็คือ Smart Transportation ที่นำเทคโนโลยี AI และเครือข่าย 5G เข้ามาช่วยบริหารระบบการจราจร

Smart Healthcare

ถ้าจำกันได้ในปีที่แล้วแบไต๋พาไปสัมผัสเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยตรวจโควิดกันไปแล้ว วันนี้หัวเว่ยได้สร้างแพลตฟอร์มที่จะเป็นศูนย์กลางการจัดการรถพยาบาล ผ่านหัวใจสำคัญคือระบบ 5G โดยมุ่งเน้นที่จะช่วยเหลือในด้านการจัดการการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อช่วยลดอัตราการเสียชีวิตระหว่างนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล งานนี้แพทย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ศูนย์สั่งการเพื่อที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยเท่านั้น  เพราะหากมีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็สามารถให้คำแนะนำเจ้าหน้าที่ในรถพยาบาลได้ทันที

จริง ๆ โซลูชันนี้ถูกพัฒนามาตั้งแต่ยุค 2G 3G แต่ตอนนั้นข้อมูลต่าง ๆ จะถูกสแนปช็อตเป็นภาพในทุก ๆ 3 วินาที แต่ความก้าวหน้าของ 5G ในวันนี้ทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ถูกส่งผ่านกันแบบ Livestream ได้ และเมื่อข้อมูลส่งผ่านกันได้เร็วขึ้น ทำให้ survivor rate หรืออัตราการช่วยชีวิตสูงขึ้น จากเดิม 20% กลายเป็น 40%

ถ้าพูดถึงเทคโนโลยี CLOUD, AI และ 5G ที่หัวเว่ยนำมาพัฒนาและแสดงในคราวนี้ ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยี CLOUD, AI และ 5G นั้นเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่องในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ และยังเป็นกุญแจสำคัญสู่การปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจในประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส