บิสกิต โซลูชั่น หรือ BIZCUIT หนึ่งในผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยี AI โซลูชัน จับกระแสคนไทยตื่นตัวเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในรอบ 9 ปี จนเกิดปริมาณข้อมูลบนโลกออนไลน์ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งเป็นจำนวนมหาศาลกว่า 4 ล้านคำ ชี้คือขุมทรัพย์ทางปัญญาของเทคโนโลยี AI

นายสุทธิพันธุ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสกิต โซลูชั่น จำกัด เปิดเผยว่า BIZCUIT มีเป้าหมายที่จะให้หลายหน่วยงานสามารถใช้ประโยชน์ของ AI ในการเข้าใจภาษาธรรมชาติ ด้วยเทคโนโลยี Machine Learning หรือ NLU (Natural Language Understanding) เพื่อต่อยอดธุรกิจและหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

นายสุทธิพันธุ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสกิต โซลูชั่น จำกัด

ปัจจุบัน BIZCUIT มี AI ที่พร้อมเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ อยู่แล้ว 16 หมวด โดยเรื่องการเมืองการเลือกตั้งนั้นถือเป็นหมวดที่ 17 ทั้งนี้ BIZCUIT เล็งเห็นมูลค่าของข้อมูลการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครบนโลกออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์มในครั้งนี้ ว่าเป็นขุมทรัพย์ทางข้อมูลในรูปแบบตัวอักษรที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งในรอบหลายปี จึงเหมาะที่จะทำการศึกษาและทดสอบการเพิ่มขีดความสามารถของเทคโนโลยี AI ด้าน Machine Learning ในด้านการเข้าใจภาษาแบบธรรมชาติ (NLU) ของ BIZCUIT ให้มีความเข้าใจในบริบท หรือ โดเมน (Domain) ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเมืองได้มากขึ้น

ซึ่งการเข้าใจในโดเมนการเมืองนั้น เป็นหนึ่งในเกือบ 20 โดเมนที่ทางบริษัทฯ มีอยู่แล้ว ซึ่งสามารถเข้าใจได้ถึง 4 ภาษาไปพร้อมกับการแสดงศักยภาพความชาญฉลาดของระบบ AI ที่ต่อยอดการนำข้อมูลจากโซเชียลมาวิเคราะห์ได้มากกว่าการนับคำหรือการวิเคราะห์ความรู้สึกเชิงลบหรือบวก ที่มักพบในการทำ Social Listening ทั่วไป แต่สามารถวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งถึงเจตนาในการแสดงความคิดเห็นและแยกแยะประเภทกลุ่มความคิดเห็นแบบอัตโนมัติได้ หรือ Social Analytics ที่มีโครงสร้างภาษาที่ไม่ได้เหมือนกับโดเมนอื่น ๆ ที่บริษัทมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารประสบการณ์การใช้บริการ หรือ การร้องเรียนผ่านช่องทางของแบรนด์ ซึ่งมีความสามารถในการสังเคราะห์ข้อมูลและนำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าการทำ Social Listening ที่ทำงานด้วย keyword เป็นหลัก โดยการสร้างข้อมูลที่ใช้สอน AI หรือ Training Data ในครั้งนี้ใช้ข้อมูลสาธารณะ 100% บนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ยินยอมในการเปิดเผยให้สาธารณะทราบ

“BIZCUIT ได้ดึงข้อมูลตัวอักษรจากโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ ประกอบด้วยทวิตเตอร์ ยูทูบ และเฟซบุ๊ก รวมกันมากกว่า 230,000 ข้อความ รวบรวมทั้งโพสต์, คอมเมนต์ และทวีต เพื่อให้ได้ผลการวิเคราะห์ทั้งในแง่มุมของความรู้สึก, การแยกประเภทสิ่งที่พูดถึง และการแยกเจตนาการแสดงความเห็น ซึ่งให้ Insight มากกว่าการวิเคราะห์โดยทั่วไป ที่สามารถวัดผลให้ทราบได้เพียงจำนวนข้อมูลและความรู้สึก แต่เทคโนโลยี AI ด้าน Machine Learning สามารถวิเคราะห์ให้เราได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลโซเชียลมีเดียอย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า โดยไม่ต้องใช้มนุษย์มาลงแรงและเวลาในการทำ” นายสุทธิพันธุ์กล่าว

ทีมงานด้านการพัฒนา NLU ภาษาไทยของ BIZCUIT ใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์ ในการพัฒนาความสามารถในหมวดการเลือกตั้งขึ้นมา ซึ่งขณะนี้มีระดับความแม่นยำโดยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 70-83% ตามแต่ประเภทของ AI โดยการวิเคราะห์เจตนาการแสดงความคิดนั้น (Intention) แม่นยำอยู่ในระดับ 72% และยังสามารถพัฒนาต่อยอดเพิ่มความแม่นยำได้อีก เมื่อมีปริมาณข้อมูลที่มากขึ้น รวมทั้งปรับเปลี่ยนได้ตามบริบทที่เปลี่ยนไปของเหตุการณ์บ้านเมืองได้อีก

“การศึกษาข้อมูลในครั้งนี้ BIZCUIT มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาเพื่อการอธิบายปรากฏการณ์ในโลกออนไลน์ที่เกิดขึ้น โดยผลการศึกษานั้นไม่ใช่การคาดการณ์หรือใช้เป็นตัวแทนผลการเลือกตั้งได้ทั้งหมด เนื่องจากมีอีกหลายปัจจัย นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังในการยกระดับและต้องการแสดงศักยภาพเทคโนโลยี Machine Learning ของคนไทย ในด้านการเข้าใจภาษาธรรมชาติ ที่ปัจจุบันมีความสามารถช่วยให้มนุษย์เข้าใจถึงจำนวนและสัดส่วนของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ซึ่งเกิดขึ้นจริงแล้ว โดยสรุปจากการที่เราเห็นข้อมูลกระแสการสนับสนุนผู้สมัครแต่ละคน ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดตามช่วงเวลาต่าง ๆ แต่เพื่อเป็นการช่วยให้เราได้ผู้ว่ากรุงเทพมหานครที่เราต้องการ ทุกคนที่มีสิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ควรรวมพลังกันออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่อาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคมนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน”  นายสุทธิพันธุ์ กล่าวสรุป