ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตลาดคริปโทฯ นั้นเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ทำให้ผู้คนมากมายแห่กันตามไปลงทุน และการเติบโตของเทคโนโลยีนี้ตามมาด้วยความคิดเห็นที่แตกต่างกัน บางคนก็มองว่าเป็นอนาคต บางคนก็มองว่าน่ากลัว บางคนก็มองว่าไร้ค่า

นักลงทุนชื่อดังระดับโลกก็หลายคนก็ได้มาออกความเห็นเกี่ยวกับตลาดคริปโทฯ นี้ ซึ่งส่วนมากจะเป็นในด้านลบเสียมากกว่า อย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่มองว่า “บิตคอยน์นั้นไร้ค่าแต่อ้างว่าตัวเองมหัศจรรย์” ชาร์ลี มังเกอร์ ที่มองว่า “คริปโทฯ คือท่อระบายน้ำที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตอันตราย” และบิล เกตส์ ที่มองว่าคริปโทฯ คือ “ทฤษฎีคนโง่กว่าล้วน ๆ” ซึ่งนอกจากนักลงทุนระดับโลกเหล่านี้แล้ว นักลงทุนในบ้านเราอย่าง ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ก็ได้ออกมาเขียนในบทความส่วนตัวเช่นกันว่า “อวสานของคริปโท ได้มาถึงแล้ว”

ดร. นิเวศน์ กล่าวว่ากระแสการลงทุนในคริปโทฯ ได้พัดเข้ามาแรงจนกระทบโลกของการเงินการลงทุนจนปั่นป่วนไปหมดในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทั้งแนวคิดว่าคริปโทฯ จะกลายเป็นเงินดิจิทัลในอนาคต ‘โลกเสมือน’ ที่ผู้คนจะเข้าไปใช้ชีวิตอีกชีวิตหนึ่ง และ NFT ที่ทำให้ศิลปะ ที่ดิน งานสะสม กลายเป็นดิจิทัล และดึงนักเก็งกำไรเข้ามามากมาย

กระแสของเหรียญคริปโทฯ นั้นรุนแรงขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องกักตัวอยู่บ้าน มีทั้งเวลาและเงินเหลือเฟือที่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ทำให้หันมาสนใจการลงทุนกันมากขึ้น และการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของคริปโทฯ ดึงดูดความสนใจของคนเหล่านี้ รวมไปถึงเรื่องราวมากมายอย่างบริษัทยูนิคอร์นมูลค่าหลายหมื่นล้าน หรือผู้คนที่ทำเงินได้เป็นพันล้านภายในระยะเวลาอันสั้น ทำให้ผู้คนแห่เข้าไปลงทุนเพื่อหวังจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน จนราคาของคริปโทฯ พุ่งสูงขึ้นไปอีก

ดร. นิเวศน์กล่าวว่าสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกปัจจุบันและสงครามระหว่างรัสเซียยูเครนเข้ามาทำให้เม็ดเงินทั่วโลกลดลงอย่างมาก และทุกอย่างชัดเจนขึ้นเมื่อแนวคิดการเก็งกำไรได้ลดลงอย่างหนักและผู้คนมุ่งหาความมั่นคงปลอดภัย ราคาสินทรัพย์มากมายโดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีและคริปโทฯ ได้ร่วงลงอย่างหนักจากจุดสูงสุด และเหรียญบางเหรียญไม่เหลือมูลค่าอะไรเลย

ดร. นิเวศน์ยกคำพูดของวอร์เรน บัฟเฟตต์ที่กล่าวว่า “เมื่อกระแสน้ำลดลงหมด เราจะรู้ว่าใครแก้ผ้าว่ายน้ำ” เพื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เหรียญมากมายไม่ได้มีมูลค่าหรือกิจการที่แท้จริง แต่เป็นเพียงแชร์ลูกโซ่ที่ราคาขึ้นไปสูงจากการสร้างเรื่องราวของผู้ก่อตั้งและการเก็งกำไรของนักลงทุน และเมื่อการเก็งกำไรหมดไป ทุกคนก็ได้เห็นว่าเหรียญเหล่านั้นจริง ๆ ไม่ได้มีมูลค่าอย่างที่คิด

ในตอนท้าย ดร.นิเวศน์ เขียนไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ดีจริงจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากนวัตกรรมเข้ามา อย่างเช่นการเข้ามาของโซเชียลมีเดีย แต่เทคโนโลยีของคริปโทฯ นั้นได้เข้ามาเป็นสิบปีแล้ว แต่ยังไม่เห็นการใช้งานจริงสักที เลยมองว่าช่วงเวลานี้คือช่วง ‘การอวสาน’ ของคริปโทฯ แล้ว และผู้คนจะเริ่มไม่สนใจมันอีก แต่เทคโนโลยีสำคัญอย่างบล็อกเชนนั้นเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ และสามารถนำไปแก้ปัญหาอื่นที่เหมาะสมกว่านี้ได้

ที่มา: Settrade Blog