วันที่ 20 ธันวาคม 2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ‘มาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2566’ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมาตรการดังกล่าวถือเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ผ่านการซื้อสินค้าและบริการ เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปีภาษี 2566

มาตรการช้อปดีมีคืน ถือเป็นการซื้อสินค้าและบริการ เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีในการยื่นแบบช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ปี 2567 โดยประชาชนที่สนใจ สามารถเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2566 รวมระยะเวลา 46 วัน

สำหรับมาตรการช้อปดีมีคืนในปี 2566 นี้ มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องวงเงิน คือ วงเงินสูงสุดที่จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ คือ 40,000 บาทต่อคน แต่จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

  1. ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จำนวน 30,000 บาทแรก ต้องขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบในแบบ “กระดาษ” หรือ “อิเล็กทรอนิกส์”
  2. ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จำนวน 10,000 บาทที่เหลือ ต้องขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบในแบบ “อิเล็กทรอนิกส์”

สำหรับสินค้าและบริการที่เข้าร่วมมาตรการช้อปดีมีคืนนั้น จะต้องซื้อจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งรวมถึงหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) และสินค้า OTOP ยกเว้นค่าสินค้าและบริการบางชนิด ดังต่อไปนี้

  • สุรา เบียร์ ไวน์ และยาสูบ
  • รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
  • หนังสือพิมพ์และนิตยสารรูปแบบกระดาษ
  • ค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
  • ค่าบริการจัดนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
  • ค่าที่พักในโรงแรม
  • ค่าสาธารณูปโภค เช่น น้ำประปา, ไฟฟ้า
  • ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์, ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต และค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาว (ซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2566 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566)
  • ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

สำหรับมาตรการช้อปดีมีคืนในปี 2566 คาดว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 56,000 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์มวลรวมเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.16 และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม