แทบจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันในยุคที่สื่อโซเชียลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา ทุกครั้งที่เราเข้าเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมก็มักจะเห็นภาพเพื่อนหรือคนรู้จักรู้จักที่โพสต์ภาพตัวเองกับแฟนไปเที่ยวด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ที่มีศัพท์จำเพาะกลุ่มเหล่านี้ว่า “อวดแฟน” ก็ควรเป็นเรื่องที่น่ายินดีไปกับความสุขของเขาเหล่านั้น เพราะบางทีเราก็เป็นหนึ่งในพวกนี้นี่แหละ

“อวดแฟน” ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นวิสัยปกติของมนุษย์โลก เวลาเรามีความสุขเราก็อยากจะเล่าสู่กันฟัง แชร์ประสบการณ์กับเพื่อน หรือใช้สื่อโซเชียลเป็นที่ลงบันทึกไว้ในความทรงจำ แต่ในภาพ “อวดแฟน” ที่เราเห็นชินตาเหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์กลับเผยข้อมูลที่ช่างย้อนแย้งว่า (ไม่มีเรื่องอื่นให้วิเคราะห์แล้วเหรอเนี่ย) ภายใต้ภาพที่ดูมีความสุขของเธอและเขาเหล่านั้น ต่างมีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นแอบแฝงไว้ เรามาอ่านบทวิเคราะห์เจาะลึกของนักวิทยาศาสตร์กันครับว่าเขามีคำอธิบายเรื่องราวนี้กันอย่างไรบ้าง

“อวดแฟน” อาจจะไม่ใช่ภาพยืนยันชีวิตรักที่มีความสุข

"อวดแฟน" อาจจะไม่ใช่ภาพยืนยันชีวิตรักที่มีความสุข

“อวดแฟน” อาจจะไม่ใช่ภาพยืนยันชีวิตรักที่มีความสุข

กิจวัตร “อวดแฟน” ดูเผิน ๆ มันก็น่าจะเป็นกิจกรรมที่น่าสนับสนุนนะ มองในด้านบวกมันน่าจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ในชีวิตคู่เสียด้วยซ้ำ อ้างอิงถึงข้อมูลการศึกษาฉบับเก่ายังเห็นพ้องว่าคู่รักคู่ไหนที่ใช้ภาพคู่เป็นภาพโพรไฟล์ นั่นแสดงว่าเธอและเขาพึงพอใจในชีวิตรักของกันและกันดี แล้วยังเป็นการสื่อความรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่กระชับแนบแน่นต่อกันดี

แล้วก็มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งที่รู้สึกเห็นแย้งกับบทวิเคราะห์ฉบับเก่า พวกเขาทำการทดลองกันใหม่ภายใต้สมมติฐานว่า “ผู้ที่โพสต์ภาพคู่กับแฟนบ่อย ๆ บนโซเชียลนั้น เพื่อชดเชยความรู้สึกที่เขาหรือเธอกำลังไม่มั่นใจในความสัมพันธ์นั้น” ในการทดลองนี้พวกเขาได้รับความร่วมมือจากอาสาสมัครที่เป็นคู่รัก 108 คู่ อาสาสมัครทุกคนที่เข้าร่วมการทดลองนี้จะลงบันทึกในออนไลน์ทุกคืนเป็นเวลาต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ บันทึกนี้จะให้ทุกคนเผยความคิดและความรู้สึกตัวเองในความสัมพันธ์ต่อคู่รัก และที่สำคัญ อาสาสมัครเหล่านี้ต้องรายงานความเคลื่อนไหวบนเฟซบุ๊กมาอย่างละเอียดยิบ ทุกโพสต์, ภาพ, ข้อความ, แม้กระทั่งคอมเมนต์ แล้วก็ได้ข้อสรุปชัดเจนว่า

“ในวันที่พวกเขาหรือเธอรู้สึกไม่สบายใจในความสัมพันธ์กับคู่รัก พวกเขาจะโพสต์ภาพและเรื่องราวเกี่ยวกับคู่ตัวเองมากขึ้น”

ผลการทดลองนี้ได้สรุปออกมาเป็นบทความทางวิชาการในชื่อ  “พวกคุณบอกได้ไหมว่าคู่ของเราสัมพันธ์ลึกซึ้งกันเพียงใด จากภาพที่เห็นบนเฟซบุ๊ก” “Can You Tell That I’m in a Relationship? Attachment and Relationship Visibility on Facebook”

บทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญท่านอื่น

แฟนกอดกัน

นิคกี โกลด์สไตน์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเพศศาสตร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ใครที่กำลังโพสต์ภาพหวานแหวกับคู่รักบนโซเชียลบ่อย ๆ เขาคนนั้นน่ะกำลังเผชิญสถานะที่ไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ อาจมีปัญหาหนักกับคู่ของตน” นิคกี เสริมต่อว่าการที่พวกเขาทำเช่นนี้ก็เพราะว่า พวกเขากำลังหาแรงยึดเหนี่ยวในความสัมพันธ์จากคนรอบข้าง แค่ได้ไลก์ คอมเมนต์ชื่นชม ก็ทำให้เขาหรือเธอรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นได้บ้าง สำหรับบางคนที่โพสต์ภาพคู่เยอะมาก ๆ นั่นก็อาจยืนยันได้ว่า เสียงตอบรับจากโลกโซเชียลมีความหมายต่อเขามากจริง ๆ

อีกสักบทวิเคราะห์หนึ่ง นักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยบรูเนล ได้เผยข้อมูลการศึกษาว่า “ใครก็ตามที่โพสต์ภาพคู่กับแฟนบ่อย ๆ นั่นหมายความได้ว่าเขาเหล่านั้นกำลังอยู่ในสภาวะความเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ลดน้อยลง”

นักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกว่า พฤติกรรมบนโลกโซเชียลนี้อธิบายสถานะความสัมพันธ์ได้มากมาย สิ่งที่พวกเขาทำลงไปนั้นก็เพียงเพื่อต้องการเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง ต้องการลบล้าง กลบเกลื่อนความรู้สึกภายในที่ฟ้องอยู่ว่าความสัมพันธ์กำลังอยู่ในสถานะที่แย่ การโพสต์ภาพออกไปก็เพื่อเรียกร้องความรู้สึกดี ๆ จากคนรอบข้างที่เข้ามาคอมเมนต์ชื่นชมว่าคู่ของเขาหรือเธอราบรื่น สวยงามดี (บางทีการหลอกตัวเองไปวัน ๆ ก็ทำให้สบายใจได้เนอะ)

มีสติก่อนโพสต์

คู่รักจับมือ อวดแฟน

ถึงตรงนี้อาจจะมีเสียงโต้แย้งว่ามากมายไม่จริง ฉันก็โพสต์ของฉันปกติ ความรักก็ยังราบรื่นดี ก็ใช่ที่ว่าบทวิเคราะห์จากนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ไม่ได้เป็นการตัดสินได้ชัดเจนถึงความสัมพันธ์ของทุกคู่รัก ยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมายทั้งสภาพแวดล้อมและสังคมแต่ละท้องถิ่น ไม่มีมาตรวัดตายตัวที่มากำหนดค่าว่าโพสต์มากแค่ไหน ถี่เพียงใดถึงจะเข้าข่ายว่าสถานะความสัมพันธ์ไม่มั่นคง แต่อย่างน้อยก็ให้บทวิเคราะห์นี้ได้มีส่วนในการเตือนสติในการใช้สื่อโซเชียล ก่อนจะโพสต์ภาพคู่ตัวเองครั้งต่อไป ให้ถามตัวเองสักนิดว่าในภาพนั้นเรากำลังมีความสุขจริง ๆ แล้วอยากจะแชร์ออกไป หรือเพียงแค่อยากจะได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์

ม่ว่าเราจะอยู่ในจำพวกไหน ชอบ”อวดแฟน” หรือพอใจที่ชีวิตคู่ไว้เป็นเรื่องส่วนตัว คนที่ตอบสถานะความสัมพันธ์ปัจจบันได้ดีที่สุดคือตัวเราเอง

 

อ้างอิง