ปัจจุบันได้มีการพัฒนาหุ่นยนต์ไปใช้ในงานด้านต่าง ๆ เช่น ทำความสะอาดบ้าน ทำงานในโรงแรม ดูแลผู้สูงอายุ นำทัวร์ในพิพิธภัณฑ์ ด้านอุตสาหกรรมการผลิต งานสำรวจทั้งในโลกและอวกาศ รวมทั้งทำงานในโรงพยาบาล และคลินิกทางการแพทย์

5 กุมภาพันธ์ มหาวิทยาลัย Rutgers แถลงการณ์เปิดตัวหุ่นยนต์ใหม่ทางการแพทย์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการเจาะตัวอย่างเลือดอัตโนมัติ ซึ่งพบว่าหุ่นยนต์นี้ทำงานให้ผลที่ดีหรือในบางกรณีดีกว่ามนุษย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพที่ทำงานอย่างเดียวกัน

เมื่อนำหุ่นยนต์เจาะเลือดมาทดลองทางคลินิกกับมนุษย์ครั้งแรกได้แสดงให้เห็นว่าสามารถเพิ่มเวลาให้กับพยาบาลและแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยได้นานขึ้น แทนเจ้าหน้าที่เหล่านั้นต้องใช้เข็มเจาะเลือดเอง การทำงานหุ่นยนต์จะนำภาพอัลตราซาวด์มาใช้นำทางในการค้นหาหลอดเลือดดำ แล้วเจาะด้วยเข็มและดูดเลือดเก็บตัวอย่าง รวมทั้งมีเครื่องมือวิเคราะห์เลือดแบบหมุนเหวี่ยง (Centrifuge) อีกด้วย

วารสารเทคโนโลยีได้ตีพิมพ์ผลการทดลองของหุ่นยนต์เจาะเลือด ซึ่งแสดงว่าหุ่นยนต์มีอัตราความสำเร็จโดยรวม 87% ในผู้เข้าร่วม 31 คนที่ถูกเจาะเลือด และมี 25 คนที่สามารถเจาะเข้าถึงเส้นเลือดดำได้ง่ายโดยอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 97% แต่เมื่อเทียบกับมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพจะมีอัตราความสำเร็จเพียง 73% ในผู้ป่วยที่มองไม่เห็นเส้นเลือดดำ, 60% ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถคลำพบเส้นเลือดดำได้ชัดเจน และ 40% ในผู้ป่วยที่ผอมแห้ง นอกจากนี้หุ่นยนต์สามารถช่วยให้แพทย์ได้รับตัวอย่างเลือดอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อถือได้ แถมยังป้องกันโรคแทรกซ้อนที่ไม่จำเป็นและความเจ็บปวดในผู้ป่วยจากการพยายามใช้เข็มเจาะหลายครั้ง

มหาวิทยาลัยกล่าวเพิ่มเติมว่าในอนาคตหุ่นยนต์นี้ยังสามารถใช้สำหรับกระบวนการทางการแพทย์ทั่วไปอื่น ๆ เช่น การใส่สายสวนหลอดเลือดดำและการฟอกไต

เชื่อว่าอนาคตมนุษย์จะสามารถผลิตหุ่นยนต์ทางการแพทย์ที่ช่วยในการดูแลและรักษาผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ลดเวลาการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และทำให้สามารถรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น ดังนั้นเมื่อเกิดโรคระบาดบุคลากรทางการแพทย์จะปลอดภัยและช่วยผู้ป่วยจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว

ที่มา : cnet

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส