เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งหนังซูเปอร์ฮีโรของ Marvel ที่แฟน ๆ หลายคนรอคอย และมีข่าวคราวอัปเดตออกมาเรื่อย ๆ สำหรับภาพยนตร์ภาคที่ 4 ของกัปตันอเมริกาที่ใช้ชื่อว่า ‘Captain America: Brave New World’ หรือในชื่อเดิม ‘Captain America: New World Order’ ที่นอกจากจะเป็นหนังภายใต้ Multiverse Saga ในเฟสที่ 5 และเป็นหนังเดี่ยวกัปตันอเมริกาเรื่องที่ 4 ของ MCU แล้ว

หนังเรื่องนี้ก็จะเป็นภาพยนตร์เดี่ยวเรื่องแรกของ แอนโธนี แมกคี (Anthony Mackie) เจ้าของบทบาท แซม วิลสัน หรือ ฟอลคอน จากทีวีซีรีส์ ‘Falcon and the Winter Soldier’ (2021) ที่ได้รับการส่งต่อโล่จากกัปตันอเมริกาคนแรก สตีฟ โรเจอร์ส (คริส อีแวนส์ – Chris Evans) อย่างเป็นทางการ หลังจากเหตุการณ์ที่โรเจอร์สเลือกเส้นทางชีวิตที่ทำให้ตัวเองแก่ตัวไปตามอายุขัย ใน ‘Avengers: Endgame’ (2019)

ซึ่งตัวของแมกคีเองที่เริ่มต้นการแสดงจากหนังดราม่าฟอร์มดี ทั้ง ‘8 Mile’ (2002) ‘Million Dollar Baby’ (2004) และหนังไซไฟฟอร์มยักษ์ ‘Real Steel’ (2011) ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลังจากก้าวเข้ามาสู่จักรวาล MCU ก็ทำให้เขาโด่งดังเป็นที่รู้จักในฐานะของ ฟอลคอน และในฐานะของ ‘กัปตันอเมริกาคนใหม่’ อย่างรวดเร็ว แต่ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ล่าสุดของเขากับเว็บไซต์ Inverse

Anthony Mackie Falcon and the Winter Soldier Captain America: Brave New World Marvel

ซึ่งเขาได้เผยว่า หลังจากเสร็จสิ้นงานแสดงในหนัง ‘Real Steel’ เป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นเขาเองก็มีเป้าหมายที่อยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล MCU แต่บทบาท แซม วิลสัน หรือกัปตันอเมริกา กลับไม่ใช่บทบาทที่เขาเองอยากแสดงตั้งแต่แรก แต่เป็นบทบาทซูเปอร์ฮีโรระดับตำนานอย่าง ฝ่าบาททีชัลลา หรือ แบล็ก แพนเธอร์ ซูเปอร์ฮีโรแห่งวากานด้า จากคอมิกเรื่อง ‘Black Panther’ (ที่ตอนนั้นยังไม่ได้พัฒนาเป็นหนัง) ต่างหาก

“ผมติดต่อกับทาง Marvel เกี่ยวกับ Black Panther บ่อยมากครับ ผมเขียนจดหมายไปถึงพวกเขา ผมพยายามจะหาทางเพื่อให้พวกเขาสร้างหนัง Black Panther และผมเองก็อยากเป็น แบล็ก แพนเธอร์ ด้วย เพราะว่าผมโตมากับ Black Panther ผมรักตัวละครนี้”

ไม่น่าเชื่อว่า ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยกับทีมผู้สร้างหนังของ Marvel จนได้ ซึ่งทีมผู้สร้างเหล่านั้นประกอบไปด้วย เนต มัวร์ (Nate Moore) โปรดิวเซอร์ของหนัง MCU หลายเรื่อง รวมทั้ง ‘Captain America: Civil War’ (2016), ‘Black Panther’ (2018), ‘Black Panther: Wakanda Forever‘ (2022) รวมทั้งพี่น้องรุสโซ (Russo brothers) ทั้ง โจเซฟ รุสโซ (Joseph Russo) และ แอนโธนี รุสโซ (Anthony Russo) คู่หูผู้กำกับ ที่เคยกำกับหนังเดี่ยวกัปตันอเมริกา ทั้งภาค ‘Captain America: The Winter Soldier’ (2014) และ ‘Captain America: Civil War’ (2016)

ซึ่งแมกคีเล่าว่า ในเวลานั้นเขาเองก็ดีใจไม่น้อยที่ทีมงานของ Marvel เชิญเขาไปพูดคุย ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในลอสแองเจลิส รวมทั้งดีใจที่จะได้มีโอกาสร่วมงานกับทาง Marvel แต่สิ่งที่คลาดเคลื่อนจากความเข้าใจของเขาเองก็คือ ในทีแรกเขานึกว่าการเข้าไปพูดคุยครั้งนี้ก็เพื่อต้องการเจรจาให้เขารับบทเจ้าชายแห่งวาคานด้า แต่ดันกลายเป็นว่า เขากลับได้รับการเสนอให้รับบทฟอลคอน ที่จะปรากฏตัวครั้งแรกใน ‘Captain America: The Winter Soldier’ ต่างหาก

“ผมไม่มีวันลืมเลยครับ ตอนนั้น โจ รุสโซบอกผมว่า ‘ฟังนะ เรากำลังจะกำกับหนังเรื่องนี้ แล้วเราก็อยากให้คุณอยู่ในหนังเรื่องนั้นด้วย แต่เราก็ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ว่าคุณกำลังจะเล่นเป็นตัวละครอะไร และจะมีใครอยู่ในนั้นบ้าง คุณจะเอาด้วยไหม’ ผมก็เลยตอบว่า ‘เอาสิ รู้อะไรไหม ผมเองชอบพวกคุณทุกคนนะ ผมอยากเล่น ผมอยากทำงานด้วยกันกับพวกคุณ’ “

แมกคีเล่าต่อไปว่า ณ ตอนนั้น เขาคิดแค่เพียงว่า ถ้านักแสดงผิวดำอย่างเขาจะได้เข้าไปอยู่ใน MCU ก็คงมีเพียงแค่ Black Panther ซูเปอร์ฮีโรผิวดำชื่อดังเท่านั้นที่น่าจะเหมาะกับเขา แต่กลายเป็นว่า หลังจากที่เขาได้เข้าไปพูดคุยไม่กี่สัปดาห์ เขาก็ได้รับการติดต่อกลับมาว่า เขาจะได้รับบทเป็นฟอลคอน เพื่อนคู่หูของกัปดันอเมริกา ไม่ใช่ฝ่าบาททีชัลลาอย่างที่เขาเข้าใจแต่แรก และในภายหลัง คนที่ได้รับบทบาทนี้ก็คือ แชดวิก โบสแมน (Chadwick Boseman) ผู้ล่วงลับอย่างที่ทราบกัน

“ผมคิดว่า ยังมีตัวละครสำคัญในคอมิกตัวเรื่องไหนอีกไหมที่พอจะเอามาทำเป็นหนังของตัวเองได้บ้าง จนกระทั่งพวกเขาติดต่อกลับมาหาผม เขาก็บอกว่า ‘ก็ แซม วิลสัน ไง’ ซึ่งผมก็แบบว่า ‘จริงดิ…’ “

นับแต่นั้นมา ก็ทำให้แมกคี ได้รับบทเป็น แซม วิลสัน หรือฟอลคอน ในจักรวาล MCU มานานถึงกว่า 10 ปีเต็ม จนกระทั่งในที่สุด หลังจากที่กัปตันอเมริกาคนแรกได้สละโล่และตำแหน่งให้กับเขา ก็เลยทำให้ในหนังเดี่ยวภาคที่ 4 ของกัปตันอเมริกาเรื่องนี้ จะเป็นหนังเดี่ยวในฐานะกัปตันอเมริกาคนที่ 2 และคนแรกของ Infinity Saga ไปด้วย

หนังเรื่องนี้รับหน้าที่กำกับโดย จูเลียส โอนาห์ (Julius Onah) นำแสดงโดย ลิฟ ไทเลอร์ (Liv Tyler), คาร์ล ลัมบลี (Carl Lumbly), ทิม เบลค เนลสัน (Tim Blake Nelson) รวมทั้ง แดนนี รามิเรซ (Danny Ramirez) ในบทฟอลคอนคนใหม่ และ แฮร์ริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) ในบทบาท นายพลแธดเดียส รอสส์ หรือ ธันเดอร์โบลท์ส (Thunderbolts)

แม้ว่าช่วงเดือนที่ผ่านมาจะมีปัญหาเกี่ยวกับการถ่ายทำ อันเป็นผลกระทบจากการประท้วงและนัดหยุดงานของนักเขียนบทที่อยู่ภายใต้สมาคมนักเขียนอเมริกา (WGA) จนทำให้หนังและซีรีส์หลายเรื่อง รวมทั้งหนังเรื่องนี้ด้วย ที่จำต้องหยุดพักการถ่ายทำไประยะหนึ่ง ซึ่งส่งผลทำให้ไม่สามารถแก้ไขบทระหว่างถ่ายทำได้

Anthony Mackie Falcon and the Winter Soldier Captain America: Brave New World Marvel

และในระหว่างนั้นก็มีการเปลี่ยนชื่อหนัง จากเดิมที่ใช้ชื่อว่า ‘Captain America: New World Order’ เปลี่ยนชื่อเป็น ‘Captain America: Brave New World’ แทน เนื่องจากชื่อ ‘New World Order’ ไปซ้ำกับทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับองค์กรที่ต้องการล้างสมองเพื่อต่อต้านชาวยิว ที่อาจเสี่ยงต่อความอ่อนไหวต่อชาวยิว และนักแสดงบางคนในหนังที่เป็นชาวยิวด้วยเช่นกัน

การประท้วงส่งผลทำให้ต้องมีการเลื่อนโปรแกรมฉายในสหรัฐอเมริกาออกไป จากเดิมที่มีกำหนดฉายวันที่ 2 พฤษภาคม 2024 เลื่อนไปเป็น 26 กรกฎาคม 2024 ซึ่งล่าสุด คราเมอร์ มอร์เกนโธ (Kramer Morgenthau) ผู้กำกับภาพของภาคนี้ได้โพสต์ผ่านทางสตอรีบน Instagram ว่า ตัวหนังได้ปิดกล้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในบทสัมภาษณ์ชิ้นเดียวกัน แมกคียังได้เล่าความรู้สึกถึงการรับบทนำในหนังของจักรวาล MCU เป็นครั้งแรกว่า “เป็นอะไรที่โคตรจะกดดันเลยครับ ความรู้สึกเหมือนมีใครโยนผมที่แสนจะโคตรโง่ลงไปในน้ำ แล้วคุณก็ต้องพยายามว่ายน้ำ แล้วก็อุทานว่าเชี่- ไปด้วยพร้อมกัน แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกอยู่กับตัวเสมอว่า ตัวผมเองได้รับบทที่ยอดเยี่ยม และได้พบเจอกับกลุ่มคนมากมายที่ทำงานไปพร้อม ๆ กันกับผม”

และถ้าสงสัยกันว่า แซม วิลสัน ในฐานะกัปตันอเมริกาคนใหม่ จะแตกต่างกับ สตีฟ โรเจอร์ส กัปตันอเมริกาคนแรกอย่างไร ซึ่งแมกคีได้แสดงความคิดเห็นต่อคำถามนี้ในบทสัมภาษณ์ของ Yahoo ว่า

“ผมคิดว่ากัปตันของผมไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโรครับ เขาไม่ได้มียาเพิ่มพลัง พลังพิเศษของเขาก็คือความเป็นมนุษย์ของตัวเขาเอง เขาต้องเผชิญหน้ากับความเข้าใจกับสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม มากกว่าการเป็นแค่คนดีหรือคนเลว รวมทั้งอะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณตัดสินใจที่จะทำให้คุณยอมทำตามแนวทางที่คุณเชื่อ ผมมองว่าเขาสวมหมวกแห่งมนุษยธรรม มากกว่าจะเป็นหมวกแห่งการตัดสินว่าอันนี้ถูกต้อง อันนี้ผิด มันมีสิ่งที่คุณจะต้องตัดสินใจ ก่อนจะตัดสินว่าอะไรถูก อะไรผิด”


ที่มา: Inverse, Variety MovieWeb, Collider, Yahoo

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส