ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว จนมาถึง ณ ตอนนี้ ความสำเร็จของหนัง ‘Barbie’ (2023) ยังคงได้รับการพูดถึงอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเป็นหนังที่ทำรายได้มากที่สุดของปี 2023 รวมทั้งคำวิจารณ์ชื่นชมตัวหนังที่สามารถแฝงประเด็นซีเรียส ๆ ทั้งเรื่องของสตรีนิยม ความหลากหลายทางเพศ เชื้อชาติและร่างกาย ความเป็นปิตาธิปไตย หรือแม้แต่ภาวะความเป็นชายที่เป็นพิษ (Toxic Masculinity) รวมทั้งการตั้งคำถามในเชิงปรัชญาถึงการมีชีวิตอยู่ และจิตวิทยา ทั้งหมดนี้ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยเรื่องราวสุดเซอร์เรียลที่อร่อย กินง่าย แต่ไม่กลวงเปล่า

ผลก็คือ ในที่สุดหนังเรื่องนี้กลายมาเป็นหนังล่ารางวัลของฤดูกาลนี้ไปแล้วเรียบร้อย ตั้งแต่รางวัลลูกโลกทองคำ จนล่าสุด สามารถเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้มากถึง 8 รางวัล จาก 7 สาขา รวมทั้งยังเป็น 1 ใน 10 หนังที่เข้าชิงรางวัลใหญ่อย่างสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้อีกด้วย แต่ถึงแม้จะมีเสียงชื่นชมมากขนาดนี้ แต่ก็ยังมีบางเสียงที่แอบแขวะหนังเรื่องนี้ก่อนที่จะได้ดูเสียอีก

Barbie

เสียงนั้นก็คือ โอลิเวอร์ สโตน (Oliver Stone) ผู้กำกับรุ่นใหญ่ที่มีผลงานกำกับหนังหลากหลายแนว ตั้งแต่หนังมาเฟีย ‘Scarface’ (1983) หนังสงคราม ‘Born on the Fourth of July’ (1989) และหนังการเมือง ‘JFK’ (1991) ดีกรี 4 รางวัลออสการ์ แต่ช่วงหลัง ๆ เราจะรู้จักเขาในฐานะของผู้กำกับ และ Executive Producer หนังสารคดีเสียเป็นส่วนใหญ่ ผลงานล่าสุดของเขาก็คือ ‘Nuclear Now’ (2022) หนังสารคดีที่มีจุดยืนในการสนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์ ในฐานะแหล่งพลังงานสะอาดของอนาคต

สโตนเคยวิจารณ์สับแหลกหนัง ‘Barbie’ เอาไว้แบบดุ ๆ ระหว่างการโปรโมตสารคดีเรื่องนี้กับเว็บไซต์ City A.M. เมื่อเดือนมิถุนายน 2023 ก่อนที่หนัง ‘Barbie’ จะเข้าฉายเพียงเดือนเดียว ซึ่งผู้สัมภาษณ์ได้ถามเชิงหยอกเย้าเข้ากระแส Barbenheimer ที่กำลังมาในตอนนั้นว่า สนใจอยากจะกำกับหนัง ‘Barbie’ ภาค 2 บ้างไหม ซึ่งเขาก็ตอบแบบทันควันว่า “ไร้สาระน่า” ก่อนจะร่ายเหตุผลยาวเหยียดที่ฟังดูก็ถือว่าออกตัวแรงอยู่เหมือนกัน

“ผมว่า ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) น่ะ กำลังเสียเวลาของเขามากเลยนะ ถ้าเกิดจะรับแสดงเพราะเงิน เขาควรจะรับงานแสดงที่มันจริงจังกว่านี้สิ เขาไม่ควรไปเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ฮอลลีวูดกลายเป็นของเด็ก ๆ ตอนนี้มันดูแฟนตาซี แฟนตาซี แล้วก็แฟนตาซีกันไปหมดเลย ขนาดหนังสงครามก็ยังเป็นไปด้วย แม้แต่ ‘Fast and Furious’ ที่ผมเคยดู ตอนนี้กลายเป็นหนัง Marvel ไปแล้ว คือผมจะบอกว่า คุณเห็นความพินาศฉิบหายทั้งหลายเหล่านี้บ้างไหมล่ะ”

Barbie

หลังจากร่ายเหตุผล พร้อมกับทับถมเหตุผลที่กอสลิงมารับแสดงหนังเรื่องนี้ในบท เคน (Ken) ก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแบบไม่ใยดี ภายหลังสโตนเองก็คงไม่รู้ว่า ตอนนี้หนุ่มกอสลิงกลายเป็นอีก 1 ตัวเต็งสายรางวัลไปแล้วเรียบร้อย เพราะมีชื่อเข้าชิงมาแล้วหลายเวที และเพิ่งเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จากเวทีออสการ์ ที่ต้องรอลุ้นกันอีกที แต่สิ่งนี้ก็เหมือนเป็นการพิสูจน์แบบกลาย ๆ ว่า หนังเรื่องนี้อาจไม่ใช่หนังเด็ก ๆ เหมือนที่ผู้กำกับรุ่นใหญ่ว่าไว้

เหตุการณ์ตัดสลับมาที่เว็บไซต์ Deadline ซึ่งได้นำเอาข่าวนี้มาเผยแพร่ โดยมีการเพิ่มเนื้อหาที่อิงมาจากบทความในช่วงที่เขาพูดถึงหนังแอ็กชันของยุคนี้อย่าง ‘John Wick’ ด้วย

“ผมดู ‘John Wick’ ที่มีความยาวประมาณ 3 ชั่วโมงราว ๆ นั้นบนเครื่องบิน และผมก็หลับไปประมาณ 778 ครั้งตอนดู ผมตื่นขึ้นมาแล้วก็เผชิญหน้ากับเขาที่กำลังฆ่าคนเพิ่มอีกเรื่อย ๆ มันเหมือนกับว่าโลกกำลังขาดตรรกะเหตุผล จนกำลังจะเสื่อมถอยลงอย่างนั้นเลย”

ในเวลาไม่นาน สโตนจึงได้ออกแถลงการณ์ส่วนตัวผ่านทาง X ของตัวเอง เพื่อเป็นการขอโทษต่อหนัง ‘Barbie’ ที่เขาได้มีโอกาสชมเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังพาดพิง เว็บไซต์ Deadline ที่ตีข่าวอิงคำพูดของเขาออกมาแบบนั้น

“ผมผิดหวังอย่างมากที่ได้เห็น Deadline ซึ่งเป็นสื่อที่ผมเคารพ นำเสนอข้อความที่ไม่ได้อยู่ในบริบทที่ผมพูดก่อนที่หนังจะฉาย ตอนนั้นผมกำลังยุ่งกับการโปรโมตสารคดีเกี่ยวกับนิวเคลียร์ในยุโรปอยู่หลายสัปดาห์ และผมก็รู้อะไรเกี่ยวกับหนังน้อยมาก หรือแทบไม่รู้อะไรด้วยซ้ำนอกจากชื่อเรื่อง”

“ผมมีโอกาสได้ดูหนัง ‘Barbie’ ในโรงแล้วเมื่อเดือนกรกฏาคม และผมก็ชื่นชมหนังเรื่องนี้ ทั้งการนำเสนอธีม และความแปลกใหม่ของมัน ผมค้นพบว่าแนวทางของผู้สร้างหนังเรื่องนี้ แตกต่างไปจากที่ผมคาดคิดไว้ ผมขอภัยอย่างยิ่งที่พูดออกไปโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน”

“‘Lady Bird’ ของ เกรตา เกอร์วิก (Greta Gerwig) ที่ฉายในปี 2017 เป็น 1 ในภาพยนตร์เรื่องโปรดของผม รายได้ Box Office ของ ‘Barbie’ ข่วยเสริมขวัญและสร้างกำลังใจให้กับธุรกิจนี้เป็นอย่างมาก และเป็นที่ยอมรับอย่างมาก ผมขอให้เกรตา และทีมงาน ‘Barbie’ ทุกคนโชคดีบนเวทีออสการ์”


ที่มา: City A.M., Deadline, The Guardians

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส