เรื่องจริงที่ใครได้รับฟังก็ต้องบอกว่าเหลือเชื่อ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกทึ่งไปความทรหดอดทน และน่ารักของ “เจ้าโกบี” หมาเพศเมียตัวกระจิ๋ว ที่ตามตื๊อ ดิออน เลียวนาร์ด นักวิ่งมาราธอน จากนักกีฬาที่มุ่งมั่นและมองโกบีเป็นตัวอุปสรรคในการแข่งขัน ยังใจอ่อนแล้วก็หลงรักมันอย่างที่สุด กลายเป็นเรื่องราวที่ประทับใจคนทั่วโลก

โกบี เจ้าหมาน้อยมหัศจรรย์

โกบี เจ้าหมาน้อยมหัศจรรย์

เรื่องราวสุดอัศจรรย์ของดิออนกับเจ้าโกบี นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ปี 2016 ดิออน เลียวนาร์ด ได้ลงแข่งขันอุลตร้า มาราธอน ในรายการที่ชื่อ “โกบี มาร์ช” ที่ต้องเรียกว่าอุลตร้า มาราธอน เพราะเป็นระยะทางวิ่งที่สุดโหดหิน

นักกีฬาต้องวิ่งเป็นระยะทาง 250 กิโลเมตร ภายในระยะเวลา 7 วัน ข้ามทะเลทรายโกบี ที่เชื่อมรอยต่อทางตอนเหนือของจีนและมองโกเลีย

หลังผ่านพ้นการวิ่งในวันแรก ดิออน ก็เข้าพักผ่อนในแคมป์ของนักกีฬา ในคืนนั้นเขาได้สังเกตเห็นหมาตัวเล็ก ๆ สกปรกมอมแมมตามวิสัยของหมาจรจัดทั่วไป หมาตัวนี้วิ่งวนไปมาแต่ละแคมป์ ทำท่าทางส่งสายตาน่าสงสารให้นักวิ่งแต่ละคนเพื่อว่าใครจะเมตตาแบ่งอาหารมาให้บ้าง แต่เจ้าหมาน้อยมาผิดที่แล้วคืนนี้ เพราะในการวิ่งมาราธอนครั้งนี้นักวิ่งทุกคนจะต้องแบกเป้หลังที่มีน้ำหนักจำกัดคนละ 6.5 กก.ไปตลอดการวิ่ง 7 วันนี้ด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าทุกคนจะมีอาหารที่พกพามาแบบจำกัดที่สุด ใครที่แบ่งอาหารให้หมาจรจัดก็บ้าแล้ว ดิออนเองก็คิดเช่นนั้น เขาก็ไม่ได้แยแสอะไรกับเจ้าหมาน้อยนี่นัก แม้เขาจะเป็นคนรักสัตว์ แต่ก็คิดในใจแค่ว่า “เจ้าหมาน้อยแกน่ารักดี แต่ชั้นไม่แบ่งอาหารให้แกหรอกนะ”

เพราะการที่ดิออนลงแข่งในครั้งนี้ เขาไม่ได้มาสัมผัสบรรยากาศการแข่งเล่น ๆ แต่เขามุ่งมั่นที่จะเอาชนะ ดิออนในวัย 42 ปี ซ้อมวิ่งล่วงหน้ามาถึง 3 ปี เพื่อจะเอาตำแหน่งแชมป์ในรายการนี้เท่านั้น

โกบีวิ่งกับดิออนอย่างมีความสุข

โกบีวิ่งกับดิออนอย่างมีความสุข

รุ่งเช้านักวิ่งทุกคนออกสตาร์ทอีกครั้ง ในเช้านั้นเองที่ดิออนเริ่มรู้สึกประหลาดใจที่เจ้าหมาน้อยไม่รู้เกิดประทับใจอะไรในตัวเขา มันเริ่มวิ่งตามดิออนเพียงคนเดียว แล้วเส้นทางในวันที่ 2 นี้ก็สุดหิน เพราะเป็นเส้นทางที่ต้องวิ่งไปตามเทือกเขาเทียนชาน ที่ต้องวิ่งผ่านไปถึงยอดเขา วิ่งเข้าป่าแม้กระทั่งข้ามแม่น้ำ แต่ก็ไม่ได้ดูเป็นอุปสรรคของเจ้าหมาน้อย มันก็ยังวิ่งตามดิออนไปอย่างไม่ลดละ ทุกครั้งที่ดิออนหันไป ก็จะได้สบสายตากลมโตของเจ้าหมาที่มองกลับมาเหมือนกับดิออนเป็นเจ้านายที่ผูกพันกันมายาวนานของมัน แต่ในขณะนั้นดิออนก็ยังมองว่าเจ้าหมานี่เป็นอุปสรรคในการแข่งขันของเขาอยู่ดี

คืนแรกที่โกบี ไปนอนเบียดดิออน

คืนแรกที่โกบี ไปนอนเบียดดิออน

และในคืนที่ 2 นี่ล่ะ ที่เจ้าหมาน้อยถือวิสาสะเองว่าดิออนเป็นเจ้านายของมันแล้ว ซึ่งก็ถูกจังหวะที่ดิออนก็เริ่มใจอ่อนหลังจากเห็นความทรหดอดทนที่ผ่านกันมาทั้งวันแล้วยอมเจียดอาหารของเขาให้เจ้าหมาน้อยแล้ว ในคืนนั้นเจ้าหมาน้อยก็เริ่มเบียดตัวเองไปนอนกระแซะดิออนในเต็นท์ด้วย ดิออนบอกว่าเขาจำความรู้สึกในคืนนั้นได้ว่าเจ้าโกบีกลิ่นแย่มาก ขนก็แข็งสาก ทำให้เขากังวลเหมือนกันว่ามันจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้ามั้ยนะ

แล้วคืนนั้นล่ะที่ดิออนตัดสินใจยอมรับเจ้าหมาน้อยเป็นเพื่อนร่วมทางการแข่งขันนี้แล้ว เขาตั้งชื่อให้หมาน้อยว่า “โกบี”

วันที่ 2 ว่าเจอเส้นทางสุดหินแล้ว วันที่ 3 นี่ยิ่งกว่า นักวิ่งทุกคนจะต้องพาตัวเองผ่านแม่น้ำที่เชี่ยวกรากข้ามไปอีกฝั่งให้ได้ แล้วไม่ใช่แม่น้ำตื้น ๆ เพราะน้ำสูงถึงระดับอกเลยเชียว ฉากนี้เหมือนในหนังช่วงไคลแมกซ์เลยครับ เพราะดิออนลุยน้ำข้ามไปอีกฝั่งแล้ว แต่โกบีซึ่งเป็นหมาตัวน้อยขาสั้น ๆ ที่พยายามว่ายน้ำข้ามตามเจ้าของ 2 วันของมันยังพาตัวเองมาถึงอีกฝั่งไม่ได้ ดิออนผู้มุ่งมั่นตำแหน่งแชมป์ของ “โกบี มาร์ช” เริ่มรู้สึกร้อนใจเพราะในขณะที่เขายืนรอโกบีอยู่บนฝั่ง นักวิ่งแต่ละคนที่ข้ามฝั่งมาได้ก็วิ่งผ่านหน้าเขาไปทีละคน แต่ภาพเบื้องหน้าก็คือหมาน้อยที่ร้อง “งื้ด ๆ” ลอยคออยู่ในกระแสน้ำเชี่ยวกรากขอความช่วยเหลือจากดิออน

เอ้า……………..ถึงตรงนี้ดนตรีเร้าใจต้องขึ้นมาประกอบแล้วครับ

ดิออนและโกบี เข้าเส้นชัยเป็นที่ 2

ดิออนและโกบี เข้าเส้นชัยเป็นที่ 2

ดิออนหันหลังให้กับเส้นทางข้างหน้า เขาเดินกลับลงในแม่น้ำแล้วอุ้มโกบีข้ามมาอีกฝั่ง นับแต่วินาทีนั้นเส้นทางแข่งข้างหน้าของโกบีมาร์ช ไม่ใช่เพื่อ ดิออน เลียวนาร์ด แล้ว แต่เป็นการแข่งในฐานะคู่หู ดิออนและโกบี เจ้าหมาน้อยชนะใจเขาเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะมุ่งมั่นเพื่อชัยชนะอย่างที่ผ่านมา สมองของดิออนเริ่มคิดถึงวิธีการขั้นตอนต่าง ๆ นานาที่เขาจะเอาโกบีกลับบ้านกับเขาที่เอดินเบิร์กด้วย
ดิออนเล่าว่าการแข่งขันที่เหลือจากนั้นเขาวิ่งอย่างมีความสุขมากขึ้น โกบีเหมือนเป็นกำลังใจให้เขาในการวิ่งด้วย โกบียังวิ่งได้เลยเขาต้องวิ่งได้สิ แล้วโกบีก็พิสูจน์ให้ดิออนเห็นว่ามันไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใดเลย เพราะท้ายที่สุดดิออนก็เข้าเส้นชัยในลำดับที่ 2 ในการแข่งขันนี้

ระยะทางที่โกบีร่วมวิ่งกับดิออนนั้นเท่ากับ 125 กม.เลยทีเดียว

ถึงตรงนี้ดูเหมือนเรื่องราวมหัศจรรย์ของคนกับหมาที่อยู่ห่างกันคนละซีกโลกจะจบอย่างสวยงาม แต่นี่ยังไม่ใช่ไฮไลต์ของเรื่องราวนี้ครับ ยังครับที่ผ่านมามันยังไม่วิบากกรรมพอสำหรับดิออนและโกบี

หลังจบการแข่งขัน ดิออนก็ไม่รอช้าเขารีบดำเนินการทางเอกสารเพื่อขอนำสุนัขเข้าสกอตต์แลนด์ เนื่องจากเป็นประเทศในสหราชอาณาจักร ขั้นตอนจึงจุกจิกเข้มงวด ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยเพราะจะต้องมีการผ่านกระบวนการกักกันเพื่อป้องกันเชื้อโรคอีก ในขั้นตอนเหล่านี้ดิออนจ้างหน่วยงานในจีนดำเนินการแทนตัวเขา ซึ่งกลายเป็นว่ามีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการมากถึง 1.8 แสนบาท ดิออนเลยโพสต์ลงสื่อโซเชียลเพื่อขอสมทบทุนค่าใช้จ่ายในการนำโกบีไปเอเดินเบิร์ก และได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ นักวิ่งที่เอ็นดูในตัวเจ้าโกบีก็ช่วยกันสมทบทุนเช่นกัน ระหว่างที่ดำเนินการด้านเอกสารซึ่งกินเวลายาวนาน ดิออนได้ฝากโกบีไว้กับเพื่อนที่สำนักงานจัดการแข่งขันที่เมืองอุรุมชี ทางตอนเหนือของจีน ส่วนตัวเขาบินกลับบ้านก่อนระหว่างที่รอดำเนินการ

แต่แล้วในเดือนสิงหาคม ข่าวร้ายก็มาถึง ดิออนได้รับแจ้งว่า “โกบี” หายออกจากบ้านที่รับฝาก ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมโกบีถึงหายออกจากบ้านรับฝากไป สำหรับคนเลี้ยงหมาน่าจะคาดเดากันไม่ยากเลยครับ โกบีต้องวิ่งระยะไกลถึง 125 กม. เพื่อซื้อใจดิออนให้รับมันไปเลี้ยง แต่หลังจากนั้นมันก็ได้อยู่ใกล้ชิดดิออนแค่ไม่กี่วัน แล้วดิออนก็เอามันมาไว้กับใครก็ไม่รู้ โกบีไม่มีทางเข้าใจขั้นตอนหรือกิจกรรมของมนุษย์หรอก ว่าเขากำลังดำเนินการต่าง ๆ นานาที่จะเอาโกบีไปอยู่ด้วย โกบีรับรู้ได้อย่างเดียวคือดิออนหายไป แล้วไม่ใช่ระยะเวลาสั้น ๆ แต่หายไปถึง 2 เดือนมั้ย สงสารโกบีที่ต้องรอดิออนคืนแล้วคืนเล่าก็ไม่มาสักที เมื่ออดทนรอไม่ไหว โกบีจึงต้องหาช่องทางดอดหนีออกจากบ้านไปตามหาดิออนเองดีกว่า จากนั้นไม่มีใครรู้แล้วว่าโกบีต้องออกไปเผชิญกับอะไรบ้าง

เมื่อดิออนรู้ข่าวว่าโกบีหายออกไปจากบ้านเขาก็รีบบินมาอุรุมชีทันที ความตั้งใจของดิออนคือ เขาจะต้องตามหาตัวโกบีให้เจอท่ามกลางเมืองพลุกพล่านที่มีผู้คนมากกว่า 3.5 ล้านคนแห่งนี้ เรื่องราวของโกบีแพร่สะพัดขึ้นอีกครับ ทำให้ยอดบัญชีรับบริจาคในการช่วยพาโกบีกลับเอดินเบิร์กพุ่งไปสูงถึง 1.4 ล้านบาท ทางผู้ผลิตวิสกี้รายใหญ่ William Grant & Sons นายจ้างของดิออนก็ยินดีให้เขาได้ลาหยุดเป็นเวลานานเพื่อตามหาโกบี

ระหว่างการตามหาโกบี

ระหว่างการตามหาโกบี

การตามหาตัวโกบีเริ่มต้นขึ้น ได้รับความช่วยเหลือจากอาสาสมัครมากมาย สื่อโซเชียลมีเดียรวมถึงเว็บไซต์ท้องถิ่นอย่าง Weibo สถานีโทรทัศน์ช่วยกันออกข่าวเรื่องการหายตัวของโกบี ดิออนทำโปสเตอร์ภาษาจีนแปะตามท้องถนนพร้อมตั้งเงินรางวัลให้ผู้ที่พบตัวโกบีสูงถึง 38,000 บาท แต่ถึงอย่างนั้นเวลาก็ผ่านไปแล้ว 4 วันโดยไร้ร่องรอยของโกบี

ผ่านไปถึง 2 สัปดาห์ พร้อมกับความหวังที่ริบหรี่ลงเรื่อย ๆ

ดิออนก็ได้รับแจ้งข่าวจากชายจีนว่า เขาจูงหมาของเขาไปเดินในสวนสาธารณะแล้วเห็นหมาสกปรกตัวหนึ่งนอนอยู่ในร่องน้ำ ดูแล้วน่าจะเป็นเจ้าโกบี พร้อมกับแนบภาพมาให้ ดิออนเห็นภาพก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นเจ้าโกบีจริงหรือไม่ เพราะมันมีแผลอยู่บนหัวด้วย แล้วสวนนี้เขาก็เคยไปตามหามาแล้วด้วย แต่ดิออนก็ยังไปหาชายคนนี้เพื่อดูว่าใช่เจ้าโกบีจริงหรือไม่

เมื่อดิออนไปถึงบ้านผู้แจ้งข่าว แค่เพียงเขาเปิดประตูบ้านเข้าไป เจ้าโกบีก็วิ่งพุ่งตรงมาหาเขา ทำท่าทางดีใจด้วยการวิ่งวนไปรอบขาอย่างรวดเร็ว แล้วก็กระโดดขึ้นหาเขา คนเลี้ยงหมานึกภาพออกกันนะครับว่าเจ้าตัวเล็กเวลาดีใจจะลิงโลดกันขนาดไหน การแสดงทีท่าคิดถึงเจ้าของที่ไม่เจอมาเป็นเวลานานแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปมันคือเจ้าโกบีอย่างแน่นอน แต่สภาพของโกบีในตอนนั้นมีแผลเป็นที่หัว และสะโพกเคลื่อน ดิออนบอกว่าเขาสังเกตได้ว่าโกบีมีอาการตื่นกลัวเวลาเห็นรถคันใหญ่ น่าจะเดาได้ว่าช่วงที่มันหายตัวไป คงโดนรถใหญ่ชนจนบาดเจ็บ แต่ก็ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว ส่วนเงินที่ได้รับบริจาคนั้น ดิออน นำเงินส่วนที่เหลือไปบริจาคต่อให้มูลนิธิเพื่อช่วยเหลือหมาจรจัดต่อไป

ข่าวการพบตัวโกบีสร้างความปีติให้กับแฟนคลับของโกบีมากมาย หลายคนโพสต์ยินดีกับการพบตัวโกบี
“ฉันร้องไห้ออกมากลางถนนเลย ฉันยินดีกับพวกคุณด้วยจริง ๆ” หญิงคนหนึ่งโพสต์บอกในทวิตเตอร์
“คืนนี้ฉันจะได้นอนหลับสักทีละ” อีกเสียงหนึ่งจากโลกโซเชียล
มีแฟนคลับบางคนถึงกับโทรไปสำนักงานบริติช แอร์เวย์ ให้ออกตั๋วเฟิสท์คลาสพาดิออนและโกบีกลับบ้านฟรีเลยนะ

ถึงตอนนี้ดิออนไม่กล้าทิ้งเจ้าโกบีให้ห่างสายตาเขาอีกแล้ว ดิออนพาโกบีย้ายไปที่ปักกิ่งเพื่อเข้ากระบวนการ “กักกันเชื้อโรค” ตามมาตรฐานของสหราชอาณาจักรตามกำหนดเวลายาวนานถึง 4 เดือน ส่วนดิออนก็เช่าห้องพักคอยโกบีอยู่ที่นั่น

แล้วในที่สุดก็ได้พบความสุขที่แท้จริงสักที ดิออนได้พาโกบีกลับบ้านที่เอดินเบิร์ก

ได้พบกับ “ลัคจา” ภรรยาของดิออนที่ได้ฟังเรื่องราวของโกบีมายาวนานกว่าจะได้พบตัวจริง

ลารา ดิออน โกบี และ ลัคจา แต่ดูเหมือนลาราจะไม่ค่อยยินดีนะ

ลารา ดิออน โกบี และ ลัคจา แต่ดูเหมือนลาราจะไม่ค่อยยินดีนะ

แต่ที่ดิออนกังวลมากสุดก็คือเจ้านายของบ้านที่ชื่อ “ลารา” เจ้าเหมียวอายุ 9 ปีว่าจะยอมรับโกบีเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านหรือไม่ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เข้ากันได้ดี หรืออาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ เพราะทั้งคู่วิ่งไล่กันไปมาขึ้นชั้น 2 ลงชั้นล่าง พอเหนื่อยก็ไปนอนเบียดกัน

เรื่องราวมหากาพย์ของดิออนและโกบีนั้น คนเฒ่าคนแก่ชาวจีนบอกดิออนว่า มันน่าจะเป็นเรื่องการระลึกชาติได้ของเจ้าโกบี ที่พยายามตามหาเจ้าของเดิม ทำให้ดิออนก็สังหรณ์ใจว่าอาจจะเป็นไปได้ก็ได้ เพราะเขาก็เคยเลี้ยงหมาเซนต์เบอร์นาร์ดแล้วตายไปเมื่อ 15 ปีก่อน

ถึงตรงนี้ ดิออนคิดได้แล้วล่ะว่าวินาทีที่เขาตัดสินใจรับเจ้าโกบีกลับบ้านเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต หลังรับเจ้าโกบีมาเป็นสมาชิกในครอบครัวได้ไม่นาน มันก็นำพาแต่เรื่องดี ๆ มาสู่ชีวิตเขาและครอบครัว

โกบี กับหนังสือ finding gobi

โกบี กับหนังสือ finding gobi

เริ่มจาก……….สำนักพิมพ์ใหญ่ Harper & Collins ยื่นข้อเสนอครั้งยิ่งใหญ่ให้ดิออน เขียนเล่าเรื่องราวของเขากับโกบีเป็นหนังสือให้กับสำนักพิมพ์

ซึ่งดิออนก็ตัดสินใจรับข้อเสนอ ด้วยรายได้ก้อนนี้ทำให้ดิออน ลาออกจากงานบริษัทวิสกี้มาเขียนหนังสือที่บ้านได้อย่างสบาย ๆ เลย “Finding Gobi” ได้รับการตีพิมพ์ในเดือน พฤษภาคม 2017 ประสบความสำเร็จอย่างสุดขีด ถึงกับแปลไปแล้ว 25 ภาษา นั่นทำให้ดิออนกลายเป็นมนุษย์งานชุก เพราะต้องบินโปรโมตหนังสือไปทั่วอังกฤษและอเมริกา พร้อมกับตรายางที่พิมพ์แบบมาจากอุ้งเท้าของโกบีไปปั๊มลงในหนังสือให้กับแฟน ๆ ด้วย

โกบี กำลังปั๊มรอยเท้าแทนการแจกลายเซ็นให้แฟน ๆ

โกบี กำลังปั๊มรอยเท้าแทนการแจกลายเซ็นให้แฟน ๆ

ยังครับ…….ยังไม่จบ โกบียังนำเรื่องดี ๆ มาให้ดิออนอีก

พอหนังสือประสบความสำเร็จ มันต้องถูกสร้างเป็นภาพยนตร์สิ แล้วเรื่องราวของดิออนกับโกบีก็สุดอัศจรรย์เหลือเชื่อพอที่จะสร้างเป็นหนังสนุก ๆ ได้จริงเลย
แล้วค่ายใหญ่อย่าง 20th century fox ก็ซื้อลิขสิทธิ์หนังสือไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรียบร้อยแล้ว ไม่มีการเปิดเผยนะว่าดิออนรับทรัพย์เงินค่าลิขสิทธิ์จากค่ายฟอกซ์ไปอีกเท่าไหร่ แต่ก็ทำเอาทั้งดิออน และภรรยาฝันเฟื่องกันไปไกลเลย
ดิออนเสนอว่าเขาอยากให้ มาร์ วาห์ลเบิร์ก หรือ ไรอัน เรย์โนลด์ มารับบทเป็นตัวเขา หรือถ้าได้เป็นฮิวจ์ แจ็กแมน ก็จะเหมาะนะเพราะเป็นออสเตรเลียนเหมือนกันแล้วก็ดูล่ำบึกดี
ส่วนลัคจา ก็ฝันเพื่องไปด้วยอีกคน เธออยากให้ ชาลิซ เธียรอน มารับบทเป็นตัวเธอ (เท่าที่อ่าน ลัคจา ไม่มีบทบาทเลยนะ)
แต่ในการสร้างภาพยนตร์นี้ ดิออนยื่นเงื่อนไขเด็ดขาด 1 เรื่อง เขาจะไม่ยอมให้โกบีไปเล่นหนังเป็นตัวเอง ฟอกซ์ได้ยินเงื่อนไขนี้ก็บอกว่า แบบนี้ทางผู้สร้างอาจต้องใช้หมาถึง 20 ตัวเพื่อเล่นเป็นโกบีเลยนะ

“ถึงมันจะ 20 ตัวหรือกี่ตัวก็ตามแต่ ขอให้หาหมาที่ดูเหมือนโกบีให้ได้ก็แล้วกันนะ”

ดิออนตอบกลับ ซึ่งในใจนั้น เขาก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าจะหาหมาให้ดูเหมือนโกบีได้ เพราะโกบีเป็นหมาเพศเมียที่มีความพิเศษและมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างมาก ทั้งความขี้อ้อน สายตาของมัน

และสายพันธุ์ที่สัตวแพทย์บอกว่ามีส่วนผสมทั้ง ปั๊ก, ชิสุ และ ชิวาวา หมาพันธุ์เล็กล้วน ๆ ถึงออกมาตัวจิ๋วแค่นี้

ถึงตอนนี้ข่าวคราวหนัง Finding Gobi ก็ยังไม่มีความคืบหน้า คงเพราะกำลังหาหมากันอยู่เป็นแน่เลย มีเพียงแอนิเมชันชื่อเดียวกันออกมาเมื่อปี 2017
ถึงกระนั้นดิออนและครอบครัวก็สุดแฮปปี้อยู่กันสบาย ๆ แล้ว ทุกวันนี้ดิออนและโกบีก็ยังวิ่งอยู่ด้วยกันเป็นประจำ ดิออนจะพาโกบีวิ่งขึ้นเขาในเอดินเบิร์กเป็นระยะทางวันละ 8 กม.

ดิออน และ โกบี ยังคงวิ่งด้วยกันทุกวันในเอดินเบิร์ก

ดิออน และ โกบี ยังคงวิ่งด้วยกันทุกวันในเอดินเบิร์ก

บางทีหมามันอาจจะระลึกชาติได้จริง ๆ แบบในหนัง A Dog’s Purpose มั้งเนอะ แต่ถึงอย่างไร ได้รับรู้เรื่องราวสุดมหัศจรรย์นี้แล้ว เราก็ยินดีไปกับความสุขของโกบีด้วยจริง ๆ นะ

 

อ้างอิง

อ้างอิง

อ้างอิง