สัปดาห์หน้านี้คอหนังได้ทำความรู้จักกับอีกหนึ่งหนังชีวประวัติของศิลปิน-นักแสดงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค 1950-1960 อย่าง Judy Garland ในหนัง Judy (คลิกอ่านรีวิวของ WTF ได้ที่นี่) ที่ถือเป็นการหวนคืนวงการของ Renée Zellweger นักแสดงผู้โด่งดังจาก Bridget Jones’s Diary (2001) และมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากหนังเพลงอย่าง Chicago (2002) (รวมถึงคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงในหนังเพลงหรือตลกมาแล้ว 3 ครั้ง) นักวิจารณ์ที่ได้ชมไปแล้วต่างปรบมือและเชียร์ให้ Renée เข้าชิงรางวัลสำคัญ ๆ อีกครั้งในปีนี้จากบทนี้

Renée Zellweger สวมบทบาทเป็นนักแสดงในตำนาน Judy Garland

Renée Zellweger สวมบทบาทเป็นนักแสดงในตำนาน Judy Garland

ในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ถือว่ามีความใกล้ชิดกับวงการเพลง เช่นเดียวกับในช่วงยุคหนึ่งของวงการภาพยนตร์ไทย ที่นักแสดงมักจะต้องรับบทบาทในการเป็นนักร้องและเป็นดารานักแสดงที่ “ครบเครื่อง” ในคนเดียว นัยหนึ่งก็ทำให้เรื่องราวอัตชีวประวัติของพวกเขา “หวือหวา” และเป็นที่น่าจับตามอง ทั้งชีวิตที่อยู่เบื้องหน้าและชีวิตเบื้องหลังที่ยิ่งอื้อฉาวหรือน่าสะเทือนใจมากเท่าไร ยิ่งเป็นที่สนใจของนักข่าวบันเทิง รวมถึงประชาชนทั่วไป และกลายมาเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยเฉพาะสำหรับค่ายผู้สร้างหนังดรามาและนักแสดงที่หมายมั่นจะขอรับบทเป็นศิลปินที่มีตัวตนอยู่จริง ซึ่งเป็นบทที่เป็นที่ชื่นชอบของเวทีรางวัลยิ่งนัก

นอกจากการแปลงโฉมให้เหมือนแล้ว ฝีมือการแสดงของนักแสดงที่ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวก็สำคัญ

นอกจากการแปลงโฉมให้เหมือนแล้ว ฝีมือการแสดงที่ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวก็สำคัญ

วันนี้ What The Fact ขอนำ 10 อันดับหนังน้ำดีที่บอกเล่าเกี่ยวชีวประวัติของนักร้อง-ศิลปินที่มีตัวตนอยู่จริง และชีวิตของพวกเขาถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับคะแนนสูงสุดของเว็บไซต์รวบรวมคำวิจารณ์ของนักวิจารณ์ภาพยนตร์ชั้นนำอย่าง Rotten Tomatoes (ณ เดือนพฤศจิกายน ปี 2019) โดยจะขอหยิบยกหนังจาก 2 ทศวรรษล่าสุด และเป็นหนังในกระแส หรือจากค่ายผู้สร้างหนังที่ไม่เล็กนัก เพื่อไม่ให้ต้องย้อนเวลากันนานจนเกินไป และพอจะเป็นที่รู้จักในหมู่คอหนังทั่วไปอยู่บ้าง

อันดับ 10 I’M NOT THERE (2007): คะแนน 77%

I'm Not There (2007)

I’m Not There (2007

  • ผู้กำกับ: Todd Haynes (Carol, Far From Heaven)
  • นักแสดง: Cate Blanchett, Christian Bale, Heath Ledger, Richard Gere, Ben Whishaw
  • รายได้รวมในสหรัฐฯ/ทุนสร้าง: 4 ล้านเหรียญฯ (จากทุนสร้าง 20 ล้านเหรียญฯ)
  • บทบาทบนเวทีรางวัล: Cate Blanchett เข้าชิงออสการ์ สาขาสมทบหญิงยอดเยี่ยมม, ชนะรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาสมทบหญิงยอดเยี่ยม, เข้าชิงรางวัลบาฟตาและสกรีน แอ็คเตอร์ กิลด์ อวอร์ด ในสาขาสมทบหญิงยอดเยี่ยมทั้งสองรางวัล
  • น้ำดีอย่างไร: ชีวิตของนักดนตรีที่เป็นจิตวิญญาณของอเมริกันยุค 60 อย่าง Bob Dylan ได้รับการอนุญาตจากทายาทให้มาสร้างเป็นหนัง (ที่ไม่ใช่สารคดี) ครั้งแรกในเรื่องนี้ โดยเป็นการตีความ Dylan ออกมาเป็น 6 คาแรกเตอร์ที่แตกต่าง ทั้งนักแสดงชาย หญิง เด็ก คนแก่ คนผิวขาว ผิวสี ซึ่งเมื่อหนังออกฉายก็แบ่งเสียงวิจารณ์ออกเป็น 2 พวก “ไม่รักก็เกลียดเลย” เพราะหนังไม่ได้อิงความจริงแต่เน้นตีความผ่านตัวละครต่าง ๆ ที่มาเป็นแต่ละเสี้ยวของ Dylan มากกว่า
ฺBob Dylan ตัวจริงในยุค 1960-1970

Bob Dylan ตัวจริงในยุค 1960-1970

6 คาแรคเตอร์ที่มารับบทเป็น Bob Dylan ใน I'm Not There

6 คาแรคเตอร์ที่มารับบทเป็น Bob Dylan ใน I’m Not There

อันดับ 9 DREAMGIRLS (2006): คะแนน 78%

Dreamgirls

Dreamgirls (2006)

  • ผู้กำกับ: Bill Condon (Chicago, Beauty and the Beast, Twilight: Breaking Dawn 1-2)
  • นักแสดง: (Beyoncé, Jamie Foxx, Eddie Murphy, Jennifer Hudson, Danny Glover)
  • รายได้รวมในสหรัฐฯ/ทุนสร้าง: 103 ล้านเหรียญฯ (จากทุนสร้าง 70 ล้านเหรียญฯ)
  • บทบาทบนเวทีรางวัล: ชนะ 2 รางวัลออสการ์จากสาขาสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Jennifer Hudson) และตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม จากการเข้าชิงถึง 8 รางวัล (Eddie Murphy ดาราตลกได้เข้าชิงสาขาสมทบชายยอดเยี่ยม และเพลง “Listen” ที่ดังระเบิด รวมถึงอีก 2 เพลงจากหนังได้เข้าชิงเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม), ชนะรางวัลลูกโลกทองคำ ประเภทภาพยนตร์เพลงหรือตลก Murphy และ Hudson กอดคอกันคว้ารางวัลสมทบชายและหญิงยอดเยี่ยม
  • น้ำดีอย่างไร: Beyoncé ได้แจ้งเกิดในโลกภาพยนตร์แบบจัง ๆ ที่เรื่องนี้ในบทได้รับแรงบันดาลใจจาก Diana Ross นักร้องผิวสีผู้เป็นตำนาน ในเรื่องเธอต้องทั้งร้องทั้งโชว์ซึ่งเธอก็เกิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว หนังระดมนักแสดงผิวสีที่กำลังดังในเวลานั้นทั้ง Foxx เองที่เพิ่งได้รับรางวัลออสการ์มาจาก Ray (2004) หรือ Eddie Murphy ก็เป็นดาราผิวสีตัวท็อปของยุค 90 หนังแจ้งเกิด Jennifer Hudson จากรายการ American Idol ให้คว้าออสการ์ได้ ในช่วงนั้นเวทีประกวดร้องเพลงทั้งในไทยและต่างประเทศต่างก็หยิบเพลง “And I Am Telling You I’m Not Going” มาร้องกันทั่วไปหมด
  • บทของ Beyoncé และวงที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากชีวิตจริงของ Diana Ross แห่งวง The Supremes

    บทของ Beyoncé และวงที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากชีวิตจริงของ Diana Ross แห่งวง The Supremes

    Diana Ross ในวัย 75 กับ Beynoce

    Diana Ross ในวัย 75 กับ Beyoncé

Play video

อันดับ 8 RAY (2004): คะแนน 80%

Ray (2004)

Ray (2004)

  • ผู้กำกับ: Taylor Hackford (The Devil’s Advocate, Proof of Life, Parker)
  • นักแสดง: Jamie Foxx, Kerry Washington, Regina King
  • รายได้รวมในสหรัฐฯ/ทุนสร้าง: 75 ล้านเหรียญฯ (จากทุนสร้าง 40 ล้านเหรียญฯ)
  • บทบาทบนเวทีรางวัล:  Jamie Foxx ชนะรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และจากรางวัลตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม จากการเข้าชิง 6 รางวัล (รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยม), Foxx ชนะรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานำชายยอดเยี่ยมและหนังเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ Foxx ก็ชนะในสาขาเดียวกันจากรางวัลบาฟตาและสกรีน แอ็คเตอร์ กิลด์ อวอร์ด
  • น้ำดีอย่างไร: Jamie Foxx สวมบทเป็นนักร้องอมตะ Ray Charles ได้อย่างแนบเนียนและเขาแทบจะอุ้มหนังทั้งเรื่องไว้คนเดียว หนังเรื่องนี้มีองค์ประกอบสมบูรณ์พร้อมในการคว้ารางวัลในทุกมิติ กับเรื่องราวแต่หนหลังของนักดนตรีอัจริยะผู้พิการทางสายตาที่ต้องเผชิญกับปมด้อยของตัวเอง จนวกเข้าไปพึ่งพายาเสพติด การเหยียบย่ำคนอื่นเพื่อก้าวขึ้นสู่การมีชื่อเสียงและความสำเร็จ นี่เป็นหนึ่งในบทบาทการแสดงที่เล่นได้เหมือนทุกกระเบียดนิ้วและถ่ายทอดออกมาได้อย่างถึงจิตวิญญาณของตัวละคร นักเรียนการแสดงควรหาหนังมาชม
Ray Charles ตัวจริงและ Jamie Foxx ที่รับบทเป็นเขาอย่างแนบเนียน

Ray Charles ตัวจริงและ Jamie Foxx ที่รับบทเป็นเขาอย่างแนบเนียน

อันดับ 7 WALK THE LINE (2005): คะแนน 83%

Walk the Line

Walk the Line (2005)

  • ผู้กำกับ: James Mangold (Logan, Ford v Ferrari, Identity, Girl, Interrupted)
  • นักแสดง: Joaquin Phoenix, Reese Witherspoon, Ginnifer Goodwin, Robert Patrick
  • รายได้รวมในสหรัฐฯ/ทุนสร้าง: 119 ล้านเหรียญฯ (จากทุนสร้าง 28 ล้านเหรียญฯ)
  • บทบาทบนเวทีรางวัล: Reese Witherspoon คว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม หนังเข้าชิงอีก 4 รางวัลรวมถึงนำชายยอดเยี่ยมของ Joaquin Phoenix, ทั้ง Phoenix และ Witherspoon คว้ารางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายและนำหญิง ประเภทหนังเพลงหรือตลก ตัวหนังชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในประเภทเดียวกันนี้, Witherspoon ชนะในสาขาเดียวกันจากรางวัลบาฟตาและสกรีน แอ็คเตอร์ กิลด์ อวอร์ด
  • น้ำดีอย่างไร: หนังสร้างจากเรื่องจริงของคู่รักนักแต่งเพลง-นักดนตรีคันทรี  Johnny Cash และ June Carter ซึ่งทั้งคู่เป็นคนเลือกนักแสดงทั้ง Phoenix และ Witherspoon มารับบทนี้ด้วยตัวเอง พวกเขาเสียชีวิตในปีเดียวกัน (แต่คนละเหตุ) ในปี 2003 จึงไม่ทันที่จะได้ชมหนังชีวประวัติเรื่องนี้ หนังเต็มไปด้วยความดรามาที่แฝงเร้นอยู่ภายใต้เสียงดนตรี Phoenix ที่ให้การแสดงระดับเทพมาแต่ไหนแต่ไร รับบทเป็น Cash ลูกชายที่พ่อไม่รัก เข้าไปข้องแวะกับยาเสพติด แต่ดนตรีคือสิ่งเดียวที่ทำให้ Cash เป็นผู้เป็นคน เขาสนใจดนตรีมากกว่าชีวิตครอบครัวจนชีวิตสมรสครั้งแรกล้มเหลว และ Carter  เดินเข้ามาเป็นความหวังอันใหม่ รักที่ไม่สมหวังของทั้งคู่กินเวลาร่วม 10 ปี เท่านี้คอหนังก็ต้องช่วยกันลุ้นให้ทั้งคู่สมหวังกันแบบสุด ๆ แล้ว
Cash และ Carter บนจอและตัวจริง

Cash และ Carter บนจอและตัวจริง

อันดับ 6 JUDY (2019): คะแนน 83%

Judy (2019)

Judy (2019)

  • ผู้กำกับ: Rupert Goold (True Story)
  • นักแสดง: Renée Zellweger, Renée Zellweger, Finn Wittrock, Michael Gambon
  • รายได้รวมในสหรัฐฯ/ทุนสร้าง: 22 ล้านเหรียญฯ จนถึง ณ ปัจจุบัน (จากทุนสร้างโดยประมาณ 13 ล้านเหรียญฯ)
  • บทบาทบนเวทีรางวัล: (ยังไม่ถึงช่วงเวลาการแข่งขันประจำปีนี้)
  • น้ำดีอย่างไร: อย่างที่เล่าไปแล้วในย่อหน้าแรกสุด Renée Zellweger สวมบทช่วงปีสุดท้ายในชีวิตของ Judy Garland ได้อย่างทรงพลัง แม้ว่าเสียงร้องของเธออาจจะยังไม่ไพเราะเท่ากับต้นฉบับ แต่ทุกเพลงในเรื่องนี้เธอร้องเองทั้งหมด และแม้ว่าเธอจะไม่ได้เล่นถอดแบบ Garland เพื่อให้ต้องเหมือนเป๊ะ แต่เธอก็แสดงแบบพาให้คนดูเข้าไปสัมผัสถึงชีวิตที่ถูกเอาเปรียบจากค่ายหนังตั้งแต่ยังเป็นนักแสดงเด็ก ต้องอดกินอดนอน กินยากล่อมประสาทลดความอ้วน จนส่งผลต่อชีวิตเธอตอนโตทั้งชีวิต เธอนอนหลับยากมากและมีความคิดผิดแปลกไปจากผู้คนทั่วไป นำมาสู่ชีวิตรักที่พังทลายถึง 5 ครั้ง นี่เป็นหนังที่หลายคนพูดตรงกันว่า ไม่ได้ร้องไห้จากการชมภาพยนตร์เป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้มานานแล้ว
Renee

Renée Zellweger สวมบทบาทเป็นนักแสดงในตำนาน Judy Garland

อันดับ 5 STRAIGHT OUTTA COMPTON (2015): คะแนน 88%

Straight Outta Compton (2015)

Straight Outta Compton (2015)

  • ผู้กำกับ: F. Gary Gray (Fast & Furious 8, Men in Black: International, Law Abiding Citizen)
  • นักแสดง: Paul Giamatti, O’Shea Jackson Jr., Corey Hawkins, Jason Mitchell
  • รายได้รวมในสหรัฐฯ/ทุนสร้าง: 161 ล้านเหรียญฯ (จากทุนสร้าง 28 ล้านเหรียญฯ)
  • บทบาทบนเวทีรางวัล: เข้าชิงออสการ์สาขา บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และเข้าชิงสกรีน แอ็คเตอร์ กิลด์ อวอร์ด สาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยม
  • น้ำดีอย่างไร: เรื่องราวบอกเล่าจุดกำเนิดของวงฮิปฮอประดับตำนานอย่างวง N.W.A ย้อนเวลากลับไปในปี 1987 ที่ชายหนุ่ม 5 คน ได้ผสานบทกวีสะท้อนความจริงเข้ากับเพลงฮาร์ดคอร์ บวกกับความรู้สึกกดดันและความโกรธจากการใช้ชีวิตที่ถูกเหยีดหยามและต้องอยู่ในสังคมที่อันตรายในสหรัฐอเมริกาออกมาเป็นบทเพลงที่ทรงพลัง แม้จะถูกต่อต้านจากอำนาจรัฐทุกวิถีทางก็ตาม หนังโดนใจคนผิวสีและกลุ่มคนดูทั่วไปจนดูแล้วหึกเหิมทั่วทั้งสหรัฐฯ โดยหนังสามารถยึดอันดับ 1 บนตารางหนังทำเงินได้ถึง 3 สัปดาห์ซ้อนในช่วงเวลาที่หนังเข้าฉาย
วง N.W.A ตัวจริงที่มีนักแสดงอย่าง Ice Cube อยู่ในวงด้วย (คนซ้ายสุด)

วง N.W.A ตัวจริงที่มีนักแสดงอย่าง Ice Cube อยู่ในวงด้วย (คนซ้ายสุด)

อันดับ 4 ROCKETMAN (2019): คะแนน 89%

Rocketman (2019)

Rocketman (2019)

  • ผู้กำกับ: Dexter Fletcher (Sherlock Holmes 3, Eddie the Eagle, Producer-Bohemian Rhapsody)
  • นักแสดง: Taron Egerton, Jamie Bell, Richard Madden, Bryce Dallas Howard
  • รายได้รวมในสหรัฐฯ/ทุนสร้าง: 96 ล้านเหรียญฯ (จากทุนสร้าง 40 ล้านเหรียญฯ)
  • บทบาทบนเวทีรางวัล: (ยังไม่ถึงช่วงเวลาการแข่งขันประจำปีนี้)
  • น้ำดีอย่างไร: จากทีมผู้สร้างเดียวกันกับหนังอัตชีวประวัติที่ทำรายได้รวมทั่วโลกสูงที่สุดตลอดกาลอย่าง Bohemian Rhapsody (903 ล้านเหรียญฯ) Dexter Fletcher ที่เป็นคนไปถ่ายทำหนังให้ต่อจนจบหลังจากมีกรณีอื้อฉาวค่ายหนังปลดผู้กำกับ Bryan Singer ออกกลางอากาศเพราะทิ้งกองถ่ายไม่ทำงาน Fletcher ยังสานต่อผลงานเรื่องต่อมากับหนังชีวประวัติของอีกหนึ่งอัจฉริยะนักแต่งเพลงและนักร้องที่ยังมีชีวิตอยู่ อย่างท่านเซอร์ Elton John ที่หนังเล่าตั้งแต่ชีวิตวัยเด็กที่พ่อไม่รัก ไปจนถึงการไต่เต้าสู่ความสำเร็จ (ที่อาจจะดูง่ายไปหน่อย) การถูกคู่ขาผู้จัดการส่วนตัวปอกลอก ไปจนถึงการเอาชนะตัวเองจากยาเสพติดและการติดเหล้าเพราะมีคู่หูนักแต่งเพลงเป็นเพื่อนแท้ หนังเพลงกึ่งดรามาแม้จะไม่ได้ตีแผ่ทุกแง่มุมของชีวิต John อย่างมีกั๊ก ๆ ไว้บ้าง แต่ก็มีสีสันมากพอจะเข้าสู่เวทีรางวัลในปีนี้อย่างแน่นอน
Elton John และ Taron Egerton ที่สนิทกันหลังจากเล่น Kingsman: The Golden Circle (2017) มาด้วยกัน

Elton John และ Taron Egerton ที่สนิทกันหลังจากเล่น Kingsman: The Golden Circle (2017) มาด้วยกัน

อันดับ 3 LOVE & MERCY (2015): คะแนน 90%

Love & Mercy (2015)

Love & Mercy (2015)

  • ผู้กำกับ: Bill Pohlad (Producer-12 Years a Slave, Brokeback Mountain, Into the Wild)
  • นักแสดง: Paul Dano, John Cusack, Elizabeth Banks, Paul Giamatti
  • รายได้รวมในสหรัฐฯ/ทุนสร้าง: 12 ล้านเหรียญฯ (จากทุนสร้าง 10 ล้านเหรียญฯ)
  • บทบาทบนเวทีรางวัล: Paul Dano เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาสมทบชายยอดเยี่ยม และเพลง “One Kind of Love” เข้าชิงสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
  • น้ำดีอย่างไร: หนังชีวประวัติของ Brian Wilson แห่งวง Beach boys ที่ใช้วิธีถ่ายทำหนังให้ได้ความรู้สึกเหมือนชมหนังสารคดีที่สมจริงอยู่ บอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังความสามารถในการแต่งเพลงของ Wilson มากกว่า แบ่งเส้นเรื่องงออกเป็นสองเส้นเรื่องคือตอน Wilson ยังวัยรุ่น (Paul Dano) และตอนโต (John Cusack) ซึ่งหนังตัดสลับไปมาได้น่าสนใจและโยงมาถึงบทสรุปของเรื่องได้ดี และอีกหนึ่งจุดสำคัญของเรื่องนี้ที่ขาดไม่ได้ คือความรักของ Melinda Ledbetter (รับบทโดย Elizabeth Banks) ที่มอบความเห็นอกเห็นใจ และความเข้าใจอย่างแท้จริงให้กับ Wilson ที่กำลังฝ่ามรสุมในชีวิต
Brian Wilson ถ่ายภาพร่วมกับ Paul Dano และ Elizabeth Banks

Brian Wilson ถ่ายภาพร่วมกับ Paul Dano และ Elizabeth Banks

อันดับ 2 BEHIND THE CANDELABRA (2013): คะแนน 95%

Behind the Cadelabra

Behind the Candelabra

  • ผู้กำกับ: Steven Soderbergh (Ocean’s Eleven, Erin Brockovich, Traffic, Logan Lucky)
  • นักแสดง: Michael Douglas, Matt Damon, Rob Lowe, Eric Zuckerman
  • รายได้รวมในสหรัฐฯ/ทุนสร้าง: 2 ล้านเหรียญฯ เท่าที่มีการเปิดเผย (จากทุนสร้าง 23 ล้านเหรียญฯ)
  • บทบาทบนเวทีรางวัล: ชนะรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาภาพยนตร์และมินิซีรีส์ยอดเยี่ยมสำหรับโทรทัศน์, Michael Douglas ชนะรางวัลสาขานักแสดงนำชายอดเยี่ยมจากสาขาภาพยนตร์และมินิซีรีส์ยอดเยี่ยมสำหรับโทรทัศน์ (Matt Damon เข้าชิงสาขาเดียวกันจากเรื่องเดียวกันนี้), กวาดรางวัลไพรไทม์ เอ็มมี่ อวอร์ดไปทั้งหมด 11 สาขาจากการเข้าชิง 15 สาขา
  • น้ำดีอย่างไร: ภาพยนตร์หรือมินิซีรีส์ที่ออกฉายทางช่อง HBO และได้รับคะแนนจากนักวิจารณ์สูงปรี๊ด  กวาดรางวัลภาพยนตร์ทางโทรทัศน์มาแทบทุกเวที ผลงานกำกับของเจ้าพ่อหนังติสท์อีกคนของวงการอย่าง Steven Soderbergh ที่แสวงหารูปแบบใหม่ ๆ ในการถ่ายทำภาพยนตร์อยู่เสมอ (ถ่ายทำหนังทั้งเรื่องด้วย iPhone อย่างเดียวก็ทำมาแล้ว) หนังเล่าเรื่องราวของ Liberachi นักเปียโนผู้โด่งดังในอดีต (1919-1987) ที่ต้องปกปิดเพศสภาพความเป็นเกย์ของตัวเองเอาไว้ หลังการแสดงคอนเสิร์ต เขาได้เจอกับ Scott Thorson (Matt Damon) เด็กหนุ่มผู้รู้งาน หลังจากนั้นสก๊อตก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ Liberachi ความดรามาจนทำให้หนังน่าดูอยู่ตรงที่ Liberachi พยายามเปลี่ยน Thorson ให้กลายมาเป็นคนแบบเขา หนักข้อถึงขนาดจะให้เสพติดศัลยกรรมตามเขาไปเลยทีเดียว
ตัวจริงของ

ตัวจริงของ Liberachi  และคู่ขาลับ ๆ ของเขา Scott Thorson

อันดับ 1 THE PIANIST (2002): คะแนน 95%

The Pianist (2002)

The Pianist (2002)

  • ผู้กำกับ: Roman Polanski (Chinatown, Carnage, Death and the Maiden)
  • นักแสดง: Adrien Brody, Emilia Fox, Ed Stoppard, Maureen Lipman
  • รายได้รวมในสหรัฐฯ/ทุนสร้าง: 32 ล้านเหรียญฯ (จากทุนสร้าง 35 ล้านเหรียญฯ)
  • บทบาทบนเวทีรางวัล: ชนะ 3 รางวัลออสการ์ (นักแสดงนำชาย Adrien Brody, ผู้กำกับยอดเยี่ยม (ได้ครั้งแรกและครั้งเดียวของ Polanski จนถึงขณะนี้ แม้ว่าจะทำหนังใหญ่มาหลายเรื่อง), บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม หนังยังได้เข้าชิงอีก 4 สาขาคือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ถ่ายภาพยอดเยี่ยม เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม และตัดต่อยอดเยี่ยม, เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาภาพยนตร์ดรามายอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, ชนะรางวัลบาฟตา สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม เข้าชิงสาขานำชายยอดเยี่ยม บทดัดแปลงยอดเยี่ยม ถ่ายภาพยอดเยี่ยม และประกอบเสียงยอดเยี่ยม
  • น้ำดีอย่างไร: หนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดของผู้กำกับ Polanski ที่ถึงขนาดพาเขาไปถึงรางวัลออสการ์ได้ในที่สุด หนังที่มีชื่อไทยว่า “สงคราม ความหวัง บัลลังก์เกียรติยศ” เพชรน้ำเอกเม็ดหนึ่งของหนังสงครามที่หดหู่และสะท้อนใจ ภาพยนตร์ได้ทำให้เห็นถึงความโหดร้ายของอคติที่ชาวเยอรมันมีต่อชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านสายตาของ Władysław Szpilman นักเปียโนชาวโปแลนด์ ที่ต้องดั้นด้นพาชีวิตของตัวเองและครอบครัวผ่านแต่ละวันในสงครามไปให้ได้ ในหนังยังพูดถึงแสงแห่งความหวัง เมื่อมีตัวละครนายทหารที่มีตัวตนจริงอย่าง Wilhelm Hosenfeld ทหารฝ่ายเยอรมันที่คอยช่วยเหลือผู้คนทั้งชาวโปแลนด์และชาวยิวเป็นจำนวนมาก (รวมถึง Szpilman) ให้รอดพ้นเงื้อมมือกองทัพเยอรมันไว้ได้จนเขาถูกลงโทษและเสียชีวิตในที่สุด หนังจึงสอนคนดูให้ได้เห็นว่า ในหมู่คนที่เปี่ยมอคติก็ยังมีคนดีแฝงตัวอยู่ด้วยเช่นกัน
และ Adrien Brody ที่มารับบทเป็นเขาใน The Pianist

Władysław Szpilman ตัวจริงและ Adrien Brody ที่มารับบทเป็นเขาใน The Pianist

นายทหาร

ฉากนายทหาร Wilhelm Hosenfeld กับ Władysław Szpilman ใน The Pianist สร้างจากเรื่องจริง

อันดับอื่น ๆ ของหนังชีวประวัติที่น่าสนใจในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

  • DANNY COLLINS (2015): 77%
  • 8 MILE (2002): 75%
  • LA VIE EN ROSE (LA MOME) (2007): 74%
  • MILES AHEAD (2016): 73%
  • THE RUNAWAYS (2010): 69%
  • CADILLAC RECORDS (2008): 66%
  • BOHEMIAN RHAPSODY (2018): 61%
  • JERSEY BOYS (2014): 52%
Bohemian Rhapsody หนังชีวประวัติของ Freddy Mercury ที่กลายเป็นหนังชีวประวัติศิลปินที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล

Bohemian Rhapsody หนังชีวประวัติของ Freddy Mercury แห่งวง Queen ที่กลายเป็นหนังชีวประวัติศิลปินที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล

 

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส