[รีวิว]Castaway Diva : ดราม่าสาหัสของชีวิต ที่มีความขำขันอยู่มากหน่อย
Our score
7.6

กำกับ

โอชุงฮวาน

เขียนบท

พัคฮเยรยอน

จำนวนตอน

12 ตอน

ช่องทางรับชม

NETFLIX ทุกวันเสาร์ และ วันอาทิตย์ เวลา 21.20 น. (เกาหลี)

[รีวิว]Castaway Diva : ดราม่าสาหัสของชีวิต ที่มีความขำขันอยู่มากหน่อย
Our score
7.6

[รีวิว]Castaway Diva : ดราม่าสาหัสของชีวิต ที่มีความขำขันอยู่มากหน่อย

จุดเด่น

  1. การใส่ความหวังและกำลังใจที่สอดแทรกอยู่ในบทเป็นระยะ ๆ ถือเป็นจุดเด่นของเรื่องนี้แบบไม่ต้องแปลกันเลย มันดีนะ แต่มันจะดีมากกว่านี้ถ้ามาในรูปแบบที่ทุกคนสามารถเชื่อได้ โดยไร้การต่อต้าน
  2. การแสดงของพัคอึนบิน ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตามและเป็นคนจูงบทในแต่ละฉากออกมาหน้าเวทีให้คนได้เห็นด้วยซ้ำ ต้องชมผู้กำกับละค่ะ ที่กำกับเธอออกมาได้ดีขนาดนี้

จุดสังเกต

  1. ความต้องการที่จะสื่อ ความหมายและปรัชญาชีวิตที่ตั้งใจให้รับสาร แทบจะมองข้ามและอาจไม่หยุดดูหยุดคิดได้เลย ถ้าตัวแสดงไม่ใช่พัคอึนบิน
  • บท

    7.0

  • การดำเนินเรื่อง

    8.0

  • การแสดง

    8.0

  • โปรดักชัน

    7.0

  • ความสนุกตามแนวซีรีส์

    8.0

ผลงานเรื่องล่าสุดของ ‘พัคอึนบิน’ นักแสดงสาวมากฝีมือเจ้าของรางวัล ‘แดซัง’ สาขาละครโทรทัศน์จากเวที ‘Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 59’ จากเรื่อง ‘อูยองอู ทนายอัจฉริยะ’ (ซีซัน 1) เรื่องนี้เธอมาในบทบาทของสาวน้อยที่มีเส้นเสียงสุดไพเราะ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจนไปติดเกาะร้างอยู่ถึง 15 ปี และรอดชีวิตกลับเข้าฝั่งมาตามล่าหาความฝันของเธอในที่สุด ‘Castaway Diva’ โรแมนติกคอมเมดี้ที่มีดราม่าหนักหน่วงแต่ก็ขำตัวโยน และยังคงความน่ารักไม่มีเปลี่ยน

‘Castaway Diva’ เล่าเรื่องราวของ ‘ซอมกฮา’ (อีเร) สาวน้อยน่ารักสดใสวัย 16 ที่มองโลกในแง่ดีและมีความฝันอยากจะเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงแบบ ‘ยุนรันจู’ (คิมฮโยจิน) ดีว่าในดวงใจ ที่เป็นคนบนเกาะชุนซัมเหมือนกับเธอ เธอเป็นติ่งเบอร์แรงของยุนรันจู เรียกว่ารักออนนี่รันจูอย่างหัวปักหัวปำ จนกระทั่งเธอได้คุยกับยุนจูรัน ในรายการวิทยุและตัดสินใจจ้าง ‘จองกีโฮ’ (มุนอูจิน) เพื่อนนักเรียนชายร่วมห้องที่ไม่เคยทำอะไรให้ใครฟรี ๆ ถ่ายวิดีโอและตัดต่อให้ เพื่อส่งไปร่วมสมัครการประกวดร้องเพลงที่ยุนรันจูจัดขึ้น

การร่วมงานกันครั้งนี้ทำให้จองกีโฮทึ่งในน้ำเสียงของเธอ และอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเธออยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแรงสนันสนุนเพื่อให้เธอเดินตามความฝันให้จงได้ เมื่อเขารู้ว่าเธอตัดใจจากการประกวดเพราะเป็นหนึ่งในเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว เธอถูกซ้อมอย่างหนักด้วยฝีมือของ ‘ซอจองโฮ’ (อียูจุน) พ่อของเธอซึ่งเปิดร้านขายปลาดิบอยู่ในหมู่บ้าน ไม่ต่างจากเขาที่ต้องรองรับอารมณ์ของ ‘จองบงวาน’ (อีซึงจุน) พ่อสุดโหดทุกครั้งที่เกิดความโมโห

จองกีโฮตัดสินใจส่งไฟล์เสียงของซอมกฮาไปเข้าประกวด จนยุนรันจูถูกใจเสียงของเธอและให้ ‘อีซอจุน’ (คิมจูฮอน) ผู้จัดการส่วนตัวติดต่อมา แล้วการนัดหมายก็เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าซอมกฮาจะถอดใจไปแล้วในคราวแรกแต่เมื่อความรุนแรงในครอบครัวไม่มีทีท่าว่าจะเลิกรา ความน่ารักสดในของเธอไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในคืนฝนตกเด็กสองคนจากเกาะชุนซัม จึงจูงมือกันหนีออกจากบ้าน จับเรือกเที่ยวแรกออกจากเกาะ ด้วยหวังว่าจะไปตายเอาดาบหน้า

แต่ปีศาจร้ายในคราบพ่อก็ไม่ยอมลดละ ยังคงตามมาราวี จนจองกีโฮที่สละตัวเองเพื่อปกป้องเพื่อนจนต้องบาดเจ็บปางตาย และซอมกฮาต้องตัดสินใจกระโดดลงทะเลเพื่อหนีจากพ่อใจยักษ์ แต่เธอไม่ตายและถูกคลื่นซัดเข้ามาติดอยู่บนเกาะร้างห่างไกลผู้คนและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นคนเดียวโดยไม่มีใครหาพบ ไม่มีใครเลยสักคนที่จะหาเธอเจอ ถึงแม้ว่าเธอจะทำเครื่องหมาย ‘SOS’ ตัวเบ้อเริ่มเอาไว้บนหาดทรายก็ตาม

จนเวลาผ่านไป 15 ปี ‘ซอมกฮา’ (พัคอึนบิน) เติบโตเป็นสาวสวย ในวัย 31 ก็ถูกพบโดยบังเอิญเข้าจนได้ เมื่อโดรนของ ‘คังอูฮัก’ (ชาฮักยอน) ที่ตาม ‘คังโบกอล’ (แชจงฮย็อบ) น้องชายของเขามาเก็บขยะบนเกาะร้างบินดุ่ย ๆ ไปพบเธอเข้า และช่วยเหลือเธอกลับขึ้นฝั่งราวปาฏิหาริย์ (คือมันปาฏิหาริย์ตั้งแต่อยู่มาคนเดียว 15 ปีไม่ตายแล้วละค่ะ) และนี่คือจุดเริ่มต้นของ ‘ดีว่าเกาะร้าง’ ซอมกฮา สาวสวยวัย 31 ที่สดใสและมองโลกในแง่งาม หากแต่ฉลาดทันคนจนใครก็อย่ามาหลอกเธอ เพราะเห็นว่าเป็นสาวล้าหลังติดเกาะซะให้ยาก

ตัดความเป็นไปได้ออกไปให้หมด แล้วพึ่งพาปาฏิหาริย์

เรื่องนี้เป็นผลงานการเขียนบทของ ‘พัคฮเยรยอน’ ผู้เขียนบท Start-up และเป็นผลงานกำกับของ ‘โอชุงฮวาน’ ผู้กำกับ Big Mouth ซึ่งผลงานที่ผ่านมาของพวกเขา ฮิตติดลมบนจนแม้แต่เรื่องนี้ก็ลอยลำอยู่อันดับต้น ๆ ตามไปด้วย แถมยังได้ดาราระดับแม่เหล็กอย่างพัคอึนบินมารับบทนำอีกต่างหาก ซึ่งในด้านของการแสดงเราไม่ผิดหวังกับเธอเลยแม้แต่น้อย กับบทบาทของสาวชาวเกาะ ที่อยู่มาได้ยังไงคนเดียวตั้ง 15 ปี บทก็ชี้นำเราไปให้เห็นว่า ก็อยู่กับกองขยะจากท้องทะเลนั่นน่ะสิ มันมีมากมายจนสร้างบ้านได้ทั้งหลังเลยเชียวนะ OMG!!

หากจะมองเรื่องความเป็นไปได้ ผู้เขียนซึ่งมองโลกแบบเทา ๆ ก็ขอสารภาพเลยว่า มันเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก เด็กผู้หญิงอายุ 16 คนหนึ่งจะยังหายใจอยู่ถึง 15 ปี บนเกาะร้างไร้ผู้คนเนี่ยนะ หนูจ๋า หนูเอาชนะ ‘ชัค โนแลน’ (ทอม แฮงส์) จาก ‘Cast Away’ ไปได้แบบตะโกนเลยนะหนู ชายชาตรีต้องกราบกรานเธอ แต่ก็เชื่อ ๆ ไปเถอะค่ะ เพราะซีรีส์เรื่องนี้เขาไม่คิดจะพึ่งพาโลกแห่งความเป็นจริงอันแสนโหดร้ายนี้อยู่แล้ว แต่เขาพึ่งพาโลกแห่งความฝันและความเชื่อ ว่าทุกอย่างสามารถเป็นจริงได้ ขอแค่มีใจปรารถนาอย่างแรงกล้าเท่านั้นพอ

ซีรีส์พูดถึงความเชื่อของความสมหวัง พูดย้ำ ๆ อยู่หลายครั้งตั้งแต่ Ep1-Ep4 ว่า “ถ้าอธิษฐานด้วยใจปรารถนา ไม่ว่าอย่างไร มันจะเป็นจริงขึ้นสักวัน” เพราะฉะนั้นการที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะยังหายใจได้ ว่ายน้ำเก่ง และมองโลกในแง่ดีได้อยู่โดยที่ไม่บ้าไปซะก่อน มันก็คือความปรารถนาของคนเขียนบทเขานั่นแหละค่ะ ที่อยากทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ บนหน้าจอ

และเมื่อเราตัดความเป็นไปได้ออกไปให้หมดสิ้นแล้ว เนื้อหาสาระของซีรีส์เรื่องนี้ก็จะเหลืออยู่เพียง ‘กำลังใจของคนมีฝัน’, ‘ความกล้าที่จะก้าวออกมาจากคอมฟอร์ตโซน’ และ ‘ความขบขันที่ต้องหัวเราะทั้งน้ำตา’ เท่านั้น เพราะเรื่องราวเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าซอมกฮา ไม่ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน เชื่อว่าซีรีส์ไม่ได้ชี้นำให้ใครก็ตามหนีออกจากบ้านเมื่อเกิดปัญหาหรอกนะคะ แต่กำลังจะบอกให้ลุกขึ้นสู้ในความถูกต้อง และบอกถึงผู้ที่แข็งแรงกว่าว่า ถ้าถึงคราวต้องแกร่งคนอ่อนแอก็แกร่งเป็น อย่ามารังแกกันง่าย ๆ และพวกเธอนั่นแหละจะกลายเป็นคนน่ารังเกียจที่โลกไม่ต้องการ

อ่านมาถึงตรงนี้ผู้อ่านหลายท่านอาจบอกว่า นี่มันโรแมนติกคอมเมดี้นะ ทำไปผู้เขียนสัมผัสได้แบบนี้เลยค่ะ ไปดูกันเถอะค่ะ เริ่ม Ep1 ก็จะสัมผัสได้หมดแล้ว จนผู้เขียนเสียดายว่า บทบาทของซอมกฮาและจองกีโฮวัยเด็กมันสั้นจังแฮะ เพราะทั้งสองคนแสดงดีจนอยากจะชมผลงานการแสดงของน้อง ๆ อีกสักฉากสองฉาก

ความดาร์กขั้นสุด ที่ซ่อนอยู่ในบทเป็นระยะ ๆ

อย่างที่ทราบกันแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กสาวติดเกาะ ที่เอาชีวิตรอดจนเติบใหญ่และจะมาเปล่งประกายเป็นดีว่าในที่สุด แน่นอนว่าเส้นทางชีวิตไม่มีหรูอยู่แล้วละ แต่คนเขียนบทก็หามีความปราณีไม่ เพราะนอกจากจะไม่หรูแล้วยังใจร้ายใจดำกับเด็กได้ลงคอ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่ซีรีส์ใส่มาในเนื้อหาตอนต้นนั้น อย่าใช้คำว่าจิกกัดเลยค่ะ มันน้อยไป แต่ต้องใช้คำว่าก่นด่า มันถึงจะสาสม

บทตั้งใจก่นด่ามนุษย์ใจร้ายที่ได้รับตำแหน่งเป็นพ่อและแม่อย่างจงใจ ชนิดที่ตีแสกหน้าได้ก็คงตีไปแล้ว ด้วยการให้พ่อทั้งสองคนที่รับบทในเรื่องเป็นพ่อเลี้ยงเดียวเมียทิ้ง ที่เลี้ยงลูกมาด้วยความขมขื่นและมักจะระบายความคั่งแค้นที่ตัวเองมีเอากับเด็กตัวเล็ก ๆ เลี้ยงลูกด้วยลำแข้งไม่เกินจริง จนหนทางรอดเดียวของเด็กคือการหนีออกจากบ้าน หนีไปซะจากความเป็นพ่อเป็นลูก และยอมที่จะเสี่ยงแม้ว่าความตายอาจจะกำลังรออยู่ตรงหน้า

และความโหดร้ายของบทยังต่อเนื่องด้วยการให้อิสระที่มากับความตายแก่เด็กสาวคนหนึ่ง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการติดแหง็กอยู่ในเกาะร้าง เพื่อปูทางให้การกลับไปยังโลกเบื้องหน้า เป็นการกลับไปแบบกล้าได้กล้าเสีย แน่นอนว่าบทตั้งแต่เริ่มจนมาถึง Ep4 มันช่างไม่มีความสมเหตุสมผลเอาซะเลย หาไม่ได้เลยละค่ะ แต่ซีรีส์กลับทำให้เราคล้อยตามไปได้ง่าย ๆ แบบเชื่อก็ได้อ่ะ เพราะปรัชญาชีวิตที่สอดแทรกอยู่ตลอดทุกตอน มันสามารถเป็นกำลังใจให้กับใครหลายคนได้อย่างชะงัดนัก

โดยเฉพาะใน Ep3 ที่กล่าวถึงการตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีของซอมกฮา ระหว่างความเป็นกับความตายที่มาในรูปแบบของความหวังและความอดทน ที่ทำให้คนล้มสามารถคิดได้ว่า ชีวิตเราอาจจะได้พบกับกล่องน้ำแข็ง หรือโดรนสักลำก็เป็นได้ อย่าท้อสิ ลมหายใจของเรามันมีค่าเสมอนะ และไม่แน่ว่าเราอาจจะได้รับรางวัลที่เราคาดไม่ถึง ซีนเดียวก็ส่องประกายความหวังได้ขนาดนี้ นับถือการส่งสารของคนเขียนบทจริง ๆ ค่ะ

ใช้ความน่ารักและความสงสัย มาล่อให้ติดกับ

เรื่องนี้ไม่ได้เน้นไปที่การติดเกาะของตัวเอกอย่าง ‘Cast Away’ ที่มี ทอม แฮงส์ โชว์สกิลการอยู่คนเดียวให้เราตามติดชีวิตชาวเกาะหรอกนะคะ แต่เน้นไปที่การมองโลกอย่างงดงามของนางเอกแม้จะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความโหดร้ายของพ่อและความโดดเดี่ยวจากชีวิตที่ซวยซ้ำซวยซ้อน และแอบบอกชาวโลกด้วยอีกว่า ของไร้ค่าของใครบางคน อาจมีค่ามากมายกับคนที่เขาไม่มีอะไรเลย อย่างเช่นนางเอกที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการเก็ยขยะที่ลอยมาเกยตื้น และเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ อย่างฉลาดเฉลียว

มันเป็นไปแทบไม่ได้หรอกในชีวิตจริง แต่เป็นไปแล้วในซีรีส์ และมีการแอบจิดกัดผู้คนบนฝั่งไปเรียบร้อยแล้ว ว่ามีการปล่อยขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ลงทะเลกันไม่เว้นแต่ละวัน จนมากมายอย่างน่าตกใจเลยเชียวนะ นอกจากนี้ความฉลาดเล็ก ๆ ของคนเขียนบทยังใช้ความน่ารักเป็นธรรมชาติของนางเอกมาทำให้เราอยากติดตาม เพราะหลังจากที่นางเอกขึ้นมาจากเกาะ เธอไม่ได้ข่าวคราวของจองกีโฮเลย และโลกฝั่งที่ผ่านไป 15 ปีก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

โดยเฉพาะความโด่งดังของยุนรันจู ดีว่าคนโปรดของเธอ แต่เธอก็กลับเป็นนารีขี่ม้าขาวมาพลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้ยุนรันจูซะอย่างนั้น ก็ไม่รู้จะสอดแทรกปรัชญาชีวิตแบบไม่มีพักไปจนจบเรื่องเลยไหม แต่คนเขียนบทเขาก็ใส่มาแบบไม่ยั้งเลยจริง ๆ และซีรีส์ก็ยังไม่ลืมบรรยากาศของความเป็นบวก เลยจัดให้ซอมกฮาเป็นคนที่ยิ้มสู้ทุกสถานการณ์ เพราะแม้เบื้องหลังของรอยยิ้มจะเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แต่เธอก็ยิ้มมากกว่าจะร้องไห้ แถมยังสร้างเสียงหัวเราะให้ได้แบบน่าหยิก และสู้อย่างมีสติทุก ๆ มิติ การปลีกวิเวกบนเกาะคือนิพพานแล้วจริง ๆ ค่ะ

เท่านั้นยังไม่พอ ซีรีส์ยังใส่ความสงสัยมาอีกเพราะสองพี่น้อง คังอูฮัก และ คังโบกอล ฮีโรผู้ช่วยชีวิตซอมกฮา ต่างน่าสงสัยว่าใครคนใดคนหนึ่งอาจจะเป็นจองกีโฮก็เป็นได้ ซึ่งบทก็ทำให้เห็นว่าหนึ่งในสองคนนี้นี่แหละ คือจองกีโฮ เพื่อนชายร่วมห้องสมัยเรียนคนนั้นของซอมกฮา และเพิ่มดราม่าบีบจิตเข้าไปอีก เมื่อพ่อของจองกีโฮ ยังคงตามหาเขาอยู่อย่างไม่ลดละ ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความเคียดแค้นมากกว่าความห่วงหา ตื่นเต้นมากและไม่อยากให้เขาเจอกันเลย แต่ไอ้เราก็อยากรู้ซะด้วยสิคะ ก็เป็นเรื่องเลยทีนี้

เพราะต่อไปนี้คงจะต้องรอคอยวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อติดตามชีวิตของอนาคตดีว่าคนใหม่ ให้ได้แล้วละ เพราะเรื่องราวกำลังเข้มข้นเลยค่ะ มีเรื่องให้เราลุ้นมากมายหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า ‘ใครคือจองกีโฮ’

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส