เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา เป็นวาระครบรอบ 20 ปี ภาพยนตร์ตลกดนตรีสุดเกรียนที่หลายคนชื่นชอบอย่าง ‘School of Rock’ (2003) ที่ว่าด้วยเรื่องของคุณครูที่แอบชวนเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษามาก่อตั้งวงดนตรีร็อก ซึ่งแม้ว่าตัวหนังจะได้รับคำชื่นชมและทำรายได้อย่างน่าพอใจ แต่นอกจากเวอร์ชันละครเวทีมิวสิคัล และฉบับทีวีซีรีส์ ก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีใครพูดถึงการสร้างภาคต่อออกมาเลยแม้แต่น้อย เราเลยยังไม่เห็นคุณครู ดิวอี ฟินน์ (Dewey Finn) ออกมาวาดลวดลายถ่ายทอดวิชาร็อกให้กับนักเรียนรุ่นใหม่ ๆ อีกเลยนับตั้งแต่นั้นมา

แต่น่าจะเป็นข่าวดีมาก ๆ สำหรับใครที่กำลังรอภาคต่อ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ นักแสดงชูโรงของเรื่องอย่าง แจ็ก แบล็ก (Jack Black) เจ้าของบทบาทคุณครูกำมะลอ ดิวอี ฟินน์ ได้แอบแง้มข่าวดีกับเว็บไซต์ข่าวหนัง JOE ในระหว่างที่เจ้าตัวกำลังเดินสายโปรโมตหนังแอนิเมชัน ‘Kung Fu Panda 4’ ผลงานการพากย์เสียงของเขาที่กำลังเข้าฉายในเวลานี้ว่า ตัวเขาเองนั้นพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าสร้างภาคต่อ ‘School of Rock’ แล้ว

แต่เขาจะยอมกลับมาด้วยเงื่อนไขก็คือ เขาต้องการให้เพื่อนของเขาอย่าง ไมก์ ไวต์ (Mike White) คนเขียนบทหนังต้นฉบับ กลับมาเขียนบทในภาคต่อที่อาจจะกำลังเกิดขึ้นนี้ด้วย ซึ่งไวต์จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะนอกจากเขาจะเป็นคนเขียนบทแล้ว เขายังเป็นเพื่อนนักแสดงของแบล็ก ที่ร่วมแสดงในบท เน็ด ชนีบลี (Ned Schneebly) เพื่อนร่วมห้องที่เคยใฝ่ฝันอยากเป็นร็อกสตาร์เป็นร็อกสตาร์เหมือนกับดิวอีนั่นเอง

Jack Black School of Rock

โดยแบล็กได้กล่าวถึงเรื่องนี้แบบติดตลก ด้วยการอ้างไปถึงหนังภาคต่ออย่าง ‘Breakin’ 2: Electric Boogaloo’ (1984) ที่เป็นภาคต่อของหนังมิวสิคัลแนวเต้นเบรกแดนซ์ในตำนาน (ที่ตอนนี้ขึ้นสถานะเป็นหนังคัลต์คลาสสิกแห่งยุค 80s ไปแล้ว) อย่าง ‘Breakin” (1984)

“คือผมก็หวังว่าจะมี ‘School of Rock 2: Electric Boogaloo’ หรืออะไรแบบนั้นบ้างนะครับ ซึ่งผมก็พร้อมแล้ว แต่คุณก็รู้ว่า ไมก์ ไวต์ เป็นคนเขียนบทภาคแรก แล้วเขาก็เป็นคนอัจฉริยะมาก และเราจะต้องให้ ไมก์ ไวต์ กลับมานั่งเก้าอี้ แต่ตอนนี้เขากำลังยุ่งมากกับซีรีส์ ‘White Lotus’ ที่เป็นทีวีซีรีส์ที่ดีที่สุด”

นอกจากไวต์จะเป็นผู้เขียนบท (และแสดง) ใน ‘School of Rock’ หนังต้นฉบับแล้ว ณ ตอนนี้เขากำลังวุ่นกับการรับหน้าที่เป็นทั้งครีเอเตอร์ Executive Producers เขียนบท และกำกับทีวีซีรีส์ตลกดาร์กชื่อดัง ‘The White Lotus’ ของ HBO เจ้าของรางวัล Primetime Emmy Awards และลูกโลกทองคำ ซึ่งตอนนี้ไวต์กำลังถ่ายทำซีซัน 3 อยู่ในประเทศไทย ที่มีนักแสดงชาวไทยทั้ง ดอม เหตระกูล, เทม เมธี ทับทิมทอง และ ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า วง BLACKPINK ร่วมแสดงด้วยนั่นเอง ซึ่งถ้าหากว่าจะมีภาคต่อจริง ๆ คงต้องรอกันไปอีกสักพัก อย่างน้อยก็จนกว่าไวต์จะจบงานซีรีส์ไปก่อน

‘School of Rock’ ผลงานการกำกับของผู้กำกับสาย Coming of Age อย่าง ริชาร์ด ลิงก์เลเตอร์ (Richard Linklater) เล่าเรื่องของ ดิวอี ฟินน์ ร็อกสตาร์ขาลงที่โดนไล่ออกจากวงดนตรี แต่เขากลับได้จังหวะสวมรอยเข้าไปทำงานเป็นครูในโรงเรียนประถม เขาจึงแอบชักชวนนักเรียนร่วมก่อตั้งวงดนตรีร็อกเพื่อเข้าประกวด นอกจากตัวหนังจะได้ทั้งความตลกจากเรื่องราวสุดป่วน และลีลาการแสดงของแบล็กแล้ว ตัวหนังก็ยังอุดมไปด้วยสีสันวงการดนตรีร็อก แรงบันดาลใจ การยอมรับในความหลากหลายและคุณค่าของคนที่แตกต่างกัน

ทำให้ตัวหนังได้รับคำวิจารณ์ชื่นชมอย่างมาก ทำรายได้ 131 ล้านเหรียญ ทำคะแนนวิจารณ์จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 92% และยังส่งให้แบล็กได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงภาพยนตร์ชายยอดเยี่ยม ประเภทตลกหรือมิวสิคัล จากเวทีลูกโลกทองคำเป็นครั้งแรกในชีวิต จนตอนหลังได้มีการนำไปดัดแปลงในรูปแบบอื่น ๆ ทั้งละครเวทีมิวสิคัลบรอดเวย์ในปี 2015 และในรูปแบบทีวีซีรีส์ฉายทางช่อง Nickelodeon ในปี 2016-2018 อีกด้วย

ด้วยความสำเร็จอย่างงดงาม ทำให้ก่อนหน้านี้มีข่าวลือเล็ก ๆ ออกมาว่ากำลังจะมีการสร้างภาคต่อ แม้ว่าจะยังไม่เคยมีข่าวว่าจะมีการนำเอาโปรเจ็กต์นี้มาพัฒนาเลยก็ตาม ในปี 2008 แบล็กเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขามีบทภาคต่ออยู่แล้ว และก็พร้อมที่จะกลับมา แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้นจริง จนมีรายงานภายหลังอีกว่า เขาและลิงก์เลเตอร์พร้อมจะกลับมาในภาคต่อที่มีชื่อแบบลำลองว่า ‘School of Rock 2: America Rocks’ ที่จะเป็นเรื่องของการทัศนศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ร็อกของนักเรียนในช่วงภาคฤดูร้อน แต่ก็ไม่เกิดขึ้นจริงอีกเช่นกัน ซึ่งหนทางเดียวที่จะทำให้แบล็กยอมกลับมาทำภาคต่อก็คงต้องพ่วงเอาทีมงานเดิมกลับมาด้วย เหมือนที่เขาเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้

“ผมอยากที่จะทำภาคต่อ ไม่ว่าจะภาคต่อ ‘School of Rock’ หรือ ‘Nacho Libre’ (2006) นะ แต่ประเด็นคือ ผมไม่อยากทำอะไรก็ตามที่ไม่มีทีมงานสร้างสรรค์ดั้งเดิมอยู่เบื้องหลัง มันบังเอิญว่าผมได้ร่วมงานกับคนที่เป็นต้นฉบับจริง ๆ และพวกเขาไม่ต้องการกลับไปในที่ที่พวกเขาจากมา แต่พวกเขาต้องการไปทำงานอื่น ๆ ต่อ ซึ่งผมคิดว่านั่นแหละคือจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ที่แท้จริง และมันก็คงจะไม่ใช่ภาคต่อด้วยน่ะครับ”

การกลับมาในภาคต่อของ ‘School of Rock’ คงไม่ใช่แค่การกลับมาของหนังดังทำเงิน แต่หนังเรื่องนี้ยังถือเป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย

“ความทรงจำที่ดีที่สุดของผมก็คือเด็ก ๆ กลุ่มนั้น พวกเขาทั้งตลกและยอดเยี่ยมมาก มันจะเป็นไฮไลต์ในอาชีพของผมอย่างแน่นอน ผมพูดได้เลยด้วยความสัตย์จริง”

แต่แม้เขาจะภาคภูมิใจกับ ‘School of Rock’ มาก ๆ แต่จริง ๆ แล้วแบล็กเผยว่า ผลงานหนังที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด คือหนังตลกดนตรีร็อกแฟนตาซีมิวสิคัลสุดเรื้อน ‘Tenacious D in The Pick of Destiny’ (2006) ที่เขาแสดงและเขียนบทร่วมกับนักดนตรีเพื่อนซี้เครางามของเขาอย่าง ไคล์ แกส (Kyle Gass) ต่างหาก

“ในทางแปลกประหลาด ผมว่า (หนังที่ภูมิใจที่สุด) คงเป็น ‘Tenacious D in The Pick of Destiny’ นะครับ เพราะนั่นเป็นภาพยนตร์เรื่องเดียวที่ผมเขียนบท นั่นคือลูกในไส้ของผมเลยแหละ มันอาจจะไม่ได้ดีที่สุดหรอก แต่ผมก็ภูมิใจมากที่สุด”